การเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตก่อนและหลังการเสริมพลังผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ระยะที่ 5 ที่รักษาแบบประคับประคอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง

Main Article Content

รุ่งรัตน์ ยอดระยับ, พ.ย.บ.
สุฑารัตน์ ชูรส , พย.ม.

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบทดลองเบื้องต้น (Pre Experimental Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ คุณภาพชีวิตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะที่ 5 ที่รักษาแบบประคับประคองก่อน-หลังการเสริมพลัง กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ระยะที่ 5 ที่รักษาแบบประคับประคอง (eGFR< 15 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตร) ที่ปฏิเสธการบำบัดทดแทนไต อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง จำนวน 31 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. สื่อเอกสาร / แผ่นพับความรู้เรื่องโรคไต / วีดิทัศน์ / คู่มืออยู่เป็นสุขกับโรคไต / บุคคลต้นแบบ / โมเดลอาหารและยา /โปรแกรมเสริมพลัง อำนาจในการจัดการตนเอง 2. เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้แบบสอบถาม ประกอบด้วย 2 ส่วนคือส่วนที่ 1  แบบสอบถาม ข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 แบบสอบถามคุณภาพชีวิตขององค์การอนามัยโลกชุดย่อฉบับภาษาไทย(WHOQOL–BREF–THAI) เป็นแบบสอบถามระดับความคิดเห็นซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ การตรวจสอบความเชื่อมั่น (Reliability) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2562  วิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติอนุมานได้แก่ Dependent t-test  ผลการวิจัยมีดังต่อไปนี้


            ผลลัพธ์คุณภาพชีวิตกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีอายุระหว่าง 70-79 ปีมากที่สุด โดยอายุ เฉลี่ย 79 ปี ระดับการศึกษาส่วนมากระดับประถมศึกษาอาชีพเกษตรกรรมรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 1,000 - 3,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ เงินผู้สูงอายุเงินสวัสดิการของรัฐมีโรคประจำตัวโรคร่วมคือโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงทุกคน มีผู้ดูแลเป็นคู่ชีวิตหรือบุตรหลาน ผลการเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนระดับคุณภาพชีวิตก่อนการเสริมพลัง 74.7 หลังการเสริมพลัง 82.0 คะแนน คุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้น 7.23 และเมื่อทดสอบความแตกต่างทางสถิติพบว่าระดับคุณภาพชีวิตภายหลังการเสริมพลังเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p<0.05 สรุปผลความแตกต่างรายด้านพบว่าระดับคะแนนคุณภาพชีวิตแยกรายด้านของกลุ่ม เป้าหมายมีความแตกต่างกันกล่าวคือหลังการเสริมพลังระดับคะแนนคุณภาพชีวิตรายด้านเพิ่มขึ้นในทุกด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p<0.05


        จากผลการศึกษาดังกล่าวสรุปได้ว่า แนวคิดการเสริมพลังอำนาจมีส่วนช่วยส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยได้ ดังนั้น ควรนำแนวทางการเสริมสร้างพลังอำนาจมาประยุกต์ใช้ร่วมกับการรักษาตามปกติของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะที่ 5 เพื่อเป็น ประโยชน์ในการเป็นแนวทางในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและพัฒนาการดูแลผู้ป่วย ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น ทั้งทางด้าน ร่างกาย จิตใจ สัมพันธภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ยอดระยับ ร. . ., & ชูรส ส. . (2020). การเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตก่อนและหลังการเสริมพลังผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ระยะที่ 5 ที่รักษาแบบประคับประคอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง. แพทยสารทหารอากาศ, 66(2). สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/rtafmg/article/view/246234
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. สยามล สุขขา. ไตวายระยะสุดท้าย การรักษาแบบประคับประคอง : บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ภาควิชาเภสัชกรรม
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล;2560.
2. Gibson, C.H.A study of empowerment in mothers of chronically ill children Boston : Boston Collage; 1993:113.
3. The WHOQOL Group. The development of The World Health Organization Quality of Life Assessment
Instrument (WHOQOL). In :Orley J, Kuyken W, editors. Quality of Life assessment international
prospective.Berlin : Spingerverlay;1993:41-57.
4. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์. ยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข.bps.moph.go.th/newbps/sites/default/files/mophplan_
2559_final_0.pdf. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561.
5. สำนักโรคไม่ติดต่อกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2558). ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง http://thaincd.com/infrmation-
statistic/non-commu-nicable-disease-data.phpMpn=2. สืบค้นวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561.
6. กิติมาเศรษฐ์บุญสร้าง, ประเสริฐประสมรักษ์. การพัฒนารูปแบบการดูแลของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ได้รับการบาบัด
ทดแทนไตต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จังหวัดยโสธร. วารสารการ
พัฒนา สุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2559:485-503.
7. กิตติยาภรณ์ โชคสวัสดิภิญโญ. การเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลในครอบครัวต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ติดเชื้อเอชไอ วี/ผู้ป่วยเอดส์.
วารสารงานวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2559;16:416-27.
8. วัชริน แน่นหนา, สมชาย ยงศิริ, ปาริดา คำฟูบุตร. การศึกษาภาวะสุขภาพของผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องที่รับการรักษาในโรงพยาบาล
มหาวิทยาลัยบูรพา. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์. ชลบุรี มหาวิทยาลัยบูรพา; 2556.
9. รุจิราพร ป้องเกิด. ผลของการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุโรคไตเรื้อรังที่ได้รับการรักษาด้วยการล้าง
ไตทางหน้าท้องอย่างต่อเนื่อง. คลังปัญญาจุฬาสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2557.
10. วนิดา วิชัยศักดิ์. การศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตระหว่างกลุ่มผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่รักษาด้วยการฟอกเลือด การล้าง
ไตทางช่องท้องและกลุ่มผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตที่คลินิกโรคไตแผนกอายุรกรรม
ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพจิต ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2559.
11. สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย. คำแนะนำสำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังก่อนการบำบัดทดแทนไต. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.); 2558.