การเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวนหลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด ในผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช

Main Article Content

กมลวรรณ ภัคโชตานนท์
ธนพัฒน์ ล้อพงค์พานิชย์

บทคัดย่อ

ความเป็นมา การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis) ต้องอาศัยช่องทางเข้าออกของหลอดเลือด ซึ่งการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวนหลอดเลือด (catheter-related blood stream infection: CRBSI) เพื่อฟอกเลือดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีผลต่ออัตราการตายและเจ็บป่วยที่รุนแรง ในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ CRBSI ในผู้ป่วย hemodialysis มากนัก งานวิจัยนี้จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาอัตราการตาย ปัจจัยเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อในกระแสเลือดจากสายสวนหลอดเลือดดำชนิดชั่วคราว (non-cuffed venous catheter) เพื่อฟอกเลือด ในโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช


วิธีการวิจัย การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง (Retrospective study) ในผู้ป่วยไตวายที่ได้รับการวินิจฉัยการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวนหลอดเลือดชนิดชั่วคราวเพื่อฟอกเลือด ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ มกราคม 2556 ถึง ธันวาคม 2561 โดยเก็บข้อมูลหาอัตราตาย ปัจจัยเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อน


ผลการศึกษา ผู้ป่วยที่ได้รับการใส่สายสวนหลอดเลือดดำชนิดชั่วคราวสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งหมด 1173 คน พบว่ามี CRBSI ทั้งหมด 78 คน (6.65%) อายุเฉลี่ย 60 ± 14.06 ปี เป็นเพศชาย 40 คน (51.3%) เชื้อก่อโรคที่พบมากที่สุด คือ เชื้อแบคทีเรียแกรมบวก พบ 46 ครั้ง (58.9%) โดยเชื้อที่พบมากที่สุดคือ Staphylococcus aureus พบ 23 ครั้ง (29.5%) พบการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวนหลอดเลือดดำชนิดชั่วคราว 12 คน (15.38%) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิต ได้แก่ ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล การติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ และภาวะช็อกจากการติดเชื้อ โดยกลุ่มผู้เสียชีวิตนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 32.33 ±17.22 วัน ในขณะที่ผู้รอดชีวิตนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 20.8 ± 19.6 วัน (p = 0.002) กลุ่มผู้เสียชีวิตมีการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ 49.95% มากกว่ากลุ่มที่รอดชีวิตซึ่งพบ 32.3% (p=0.039) และกลุ่มผู้เสียชีวิตมีภาวะช็อกจากการติดเชื้อสูงถึง 83.3% มากกว่ากลุ่มที่รอดชีวิตซึ่งพบเพียง 15.2% เท่านั้น (p=0.042) ส่วนระยะเวลาในการใส่สายสวนหลอดเลือดดำชั่วคราวมีแนวโน้มสัมพันธ์กับการเสียชีวิตแต่ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ


บทสรุป จากการศึกษานี้พบการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวนหลอดเลือดดำชนิดชั่วคราวเพื่อฟอกเลือด 15.38% ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิต ได้แก่ ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล การติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ และภาวะช็อกจากการติดเชื้อ ส่วนตำแหน่งและระยะเวลาในการใส่สายสวนหลอดเลือดนั้นกลับไม่พบความสัมพันธ์ต่อการเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มประชากรที่มากขึ้นในอนาคต

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ภัคโชตานนท์ ก., & ล้อพงค์พานิชย์ ธ. (2023). การเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวนหลอดเลือดเพื่อการฟอกเลือด ในผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช. แพทยสารทหารอากาศ, 69(2), 14–21. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/rtafmg/article/view/264020
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

Miller LM, Clark E, Dipchand C, Hiremath S, Kappel J, Kiaii M, et al. Hemodialysis Tunneled Catheter-Related Infections. Can J Kidney Health Dis. 2016;3:2054358116669129.

Nguyen DB, Shugart A, Lines C, Shah AB, Edwards J, Pollock D, et al. National Healthcare Safety Network (NHSN) Dialysis Event Surveillance Report for 2014. Clin J Am Soc Nephrol. 2017 Jul 7;12(7):1139–46.

Soi V, Moore CL, Kumbar L, Yee J. Prevention of catheter-related bloodstream infections in patients on hemodialysis: challenges and management strategies. Int J Nephrol Renovasc Dis. 2016;9:95–103.

Saxena AK, Panhotra BR. Haemodialysis catheter-related bloodstream infections: current treatment options and strategies for prevention. Swiss Med Wkly. 2005 Mar 5;135(9–10):127–38.

Chang CF, Kuo BIT, Chen TL, Yang WC, Lee SD, Lin CC. Infective endocarditis in maintenance hemodialysis patients: fifteen years’ experience in one medical center. J Nephrol. 2004;17(2):228–35.

Sahli F, Feidjel R, Laalaoui R. Hemodialysis catheter-related infection: rates, risk factors and pathogens. J Infect Public Health. 2017;10(4):403–8.

Mermel LA, Allon M, Bouza E, Craven DE, Flynn P, O’Grady NP, et al. Clinical practice guidelines for the diagnosis and management of intravascular catheter-related infection: 2009 Update by the Infectious Diseases Society of America. Clin Infect Dis. 2009 Jul 1;49(1):1–45.

National Kidney Foundation. KDOQI Clinical Practice Guideline for Hemodialysis Adequacy: 2015 update. Am J Kidney Dis. 2015 Nov;66(5):884–930.

Saxena AK, Panhotra BR, Uzzaman W, Venkateshappa CK. The role of the Staphylococcus aureus nasal carriage and type of vascular access in the outcome of high-risk patients on hemodialysis. J Vasc Access. 2002;3(2):74–9.

Dopirak M, Hill C, Oleksiw M, Dumigan D, Arvai J, English E, et al. Surveillance of hemodialysis-associated primary bloodstream infections: the experience of ten hospital-based centers. Infect Control Hosp Epidemiol. 2002 Dec;23(12):721–4.