คุณภาพการจัดการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบที่เข้ารับการรักษาในหน่วยงาน อุบัติเหตุฉุกเฉิน ในโรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงบรรยายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบในหน่วยงานอุบัติเหตุฉุกเฉิน โดยใช้แนวคิด Donabedian model เป็นกรอบแนวคิด กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย เวชระเบียนผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ 83 ราย และ พยาบาลวิชาชีพ 32 ราย เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ด้านโครงสร้าง ด้านกระบวนการ และด้านผลลัพธ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยายและสถิติเชิงอ้างอิง Mann-Whitney U test
ผลการวิจัยพบว่า โครงสร้างด้านผู้ป่วย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 38.52 ปี (SD=14.94) และบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุจราจร โครงสร้างด้านผู้ให้บริการ พบว่าพยาบาลส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ย 32.19 ปี (SD=1.40) มีวุฒิ การศึกษาระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 96.88) และมีประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย 8.28 ปี (SD=7.68 ) ความรู้ในการดูแลผู้ป่วย บาดเจ็บหลายระบบโดยรวมอยู่ในระดับสูง (ร้อยละ 62.50) โดยกลุ่มที่เคยและไม่เคยอบรมเฉพาะทางมีความรู้ในการจัดการ การดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบไม่แตกต่าง (p>.05) ด้านกระบวนการพบว่าระยะการดูแล ณ จุดเกิดเหตุ (Pre hospital care) การออกปฏิบัติงานใช้เวลาน้อยกว่า 2 นาที และผู้ป่วยมีค่า Glasgow Coma Score <8 (ร้อยละ 58.62) ระยะการดูแล ในโรงพยาบาล (in hospital care) พบว่าผู้ป่วย (ร้อยละ 100) ได้รับการ activated fast track trauma และไม่เกิดภาวะช็อก จากการเสียเลือด (ร้อยละ 56.63) ระยะจำหน่ายไปยังหน่วยงานที่เหมาะสม (definitive care) ได้รับการผ่าตัดภายใน 30 นาที
(ร้อยละ 63.64) และถูกส่งต่อไปยังหอผู้ป่วยวิกฤต และมีระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ในห้องฉุกเฉิน 290.83 นาที (SD=153.02) ด้านผลลัพธ์ พบว่าผู้ป่วยรอดชีวิตร้อยละ 89.15 โดยกลุ่มที่มีโอกาสรอดชีวิตต่ำ (Ps<0.25) เสียชีวิตร้อยละ 77.78 ขณะที่กลุ่มที่สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้ (Ps 0.51-0.74) เสียชีวิตร้อยละ 16.67 ผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการดูแลผู้ป่วย บาดเจ็บหลายระบบที่มีมาตรฐานในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามควรพัฒนาแนวทางการดูแลเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของ ผู้ป่วยที่สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพฺเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Global status report on road safety, Geneva, 2018:1-404.
Ke W, Zhang L. Influence of blood hemodynamics on the treatment outcomes of limited
fluid resuscitation in emergency patients with traumatic hemorrhagic shock. 2023.
นิชาภัทร บุษมงคล, ชัจคเณค์ แพรขาว. ความสัมพันธ์ระหว่างระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บและ
ผลลัพธ์การพยาบาลในผู้ป่วยบาดเจ็บ. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2560;35(1):110-8.
Mommsen P, Clausen JD, Blossey R, Krettek C, Winkelmann M. Long-term outcome and
quality of life after multiple trauma. Journal of Translational Science. 2018;4(4):1-2.
Wilhelm I, Azza Y, Brennwald K, Ehrt-Schafer Y, Seifritz E, Kleim B. Investigating the effect
of a nap following experimental trauma on analogue PTSD symptoms. Scientific Report.
;4710.
Leijdesdorff HA, Krijnen P, Rooyen LV, Marang-van de Mheen P, Rhemrev S, Schipper IB.
Reduced Quality of Life, Fatigue, and Societal Participation After Polytrauma.
International surgery. 2018;103:158-66.
Kaske S, Lefering R, Trentzsch H, Driessen A, Bouillon B, Maegele M. Quality of life two
years after severe trauma: A single centre evaluation. Journal care injured. 2014;455:100-5.
Haagsma JA, Charalampous P, Ariani F, et al. The burden of injury in Central, Eastern, and
Western European sub-region: a systematic analysis from the Global Burden of Disease
Study. Arch Public Health. 2022;80(142).
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2566.
;1- 156.
วิไลวรรณ แสงเนียม, และ ชนกพร จิตปัญญา. ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการฟื้นหลังการ
เผชิญปัญหาความรุนแรงของการบาดเจ็บ และคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ.
วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย. 2561;11(2):132-52.
Donabedian, A. The quality of care how can it be assessed?. IAMA. 1988;260(12):1743-8.
ณภัคคนันท์ ยุวดี, จินดา ผุดผ่อง, นพพรพงศ์ ว่องวิกย์การ และ นฤมล จันทร์สุข. การพัฒนารูปแบบ
การจัดการรายกรณีผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ โรงพยาบาลอุทัยธานี. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกัน
แห่งประเทศไทย. 2562;9(3):280-95.
จารุพักตร์ กัญจนิตานนท์, สุชาตา วิภวกานต์, และ รัตนา พรหมบุตร. การพัฒนารูปแบบการพยาบาล
ผู้บาดเจ็บรุนแรงหลายระบบ โรงพยาบาลกระบี่. วารสารพยาบาลทหารบก. 2562;20(1):339-50.
Anghele M, Marina V, Anghele AD, Moscu CA, Dragomir L. Negative Factors Influencing
Multiple-Trauma Patients. Clinics and Practice. 2024;14(4):1562-70.
วราภรณ์ สมบัติ, เยาวรัตน์ มัชฉิม และ บวรลักษณ์ ทองทวี. สมรรถนะพยาบาลวิชาชีพในการดูแลผู้ป่วย
บาดเจ็บหลายระบบในระยะวิกฤตและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต).
กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2565.
รพี อุดมทรัพย์. การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อเวลาตอบสนองการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน:กรณีศึกษา 3
เขตพื้นที่ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร. วารสารปัญญาภิวัฒน์. 2566;15(1):177-90.
ปริชญา พลอาสา และ พรนภา ศุกรเวทย์ศิริ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความล่าช้าในการช่วยเหลือผู้ป่วย
อุบัติเหตุฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ ในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น.
;25(2):79-89.
Jafari M, Mahmoudian P, Ebrahimipour H, Vafaee-Nezhad R, Vafaee-Najar A, Hosseini S,
et al. Response Time and Causes of Delay in Prehospital Emergency Missions in
Mashhad, 2015. Medical journal of the Islamic Republic of Iran. 2021;35(142).
เสาวรส จันทมาศ, กัญจนา ปุกคำ, สุมาลี พลจรัส และ ประณีต ส่งวัฒนา. การพัฒนารูปแบบการดูแล
ผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช. วารสารพยาบาลสงขลา
นครินทร์. 2565;42(3):25-39.
รัชนี สะตะ และ ชัจคเณค์ แพรขาว. การศึกษาผลลัพธ์การพยาบาลผู้บาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ ที่ได้รับ
บริการโดยหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น. วารสาร
ประสาทวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. 2563;16(2):30-9.
American College of Surgeons. Advanced Trauma Life Support (ATLS) Course Manual;
ดาวเรือง ข่มเมืองปักษ์ และ รัตนา สังฆสอน. ประสิทธิผลการประเมินโอกาสรอดชีวิตของผู้บาดเจ็บ
ณ ห้องฉุกเฉิน โดยพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บของประเทศไทย.
วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธรธานี. 2566;31(1):72-85.
ศจี พานวัน และ ปิยธิดา บวรสุธาศิน. การพัฒนารูปแบบการพยาบาลช่องทางด่วนผู้ป่วยบาดเจ็บหลาย
ระบบงานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11. 2565;36(1):32-49.