การประเมินปริมาณรังสีที่พยาบาลได้รับจากการปฏิบัติงาน ด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์

ผู้แต่ง

  • กนกอร ภู่นาค สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
  • สมศรี เอื้อรัตนวงศ์ สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช

คำสำคัญ:

การประเมินปริมาณรังสี, ปริมาณรังสีที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับ, พยาบาลด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์, การวัดรังสีประจำตัวบุคคล

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินปริมาณรังสีที่พยาบาลได้รับจากการปฏิบัติงานในแต่ละการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ โดยให้พยาบาลติดอุปกรณ์วัดรังสีประจำตัวบุคคล (Personal monitoring pocket dosimeter) ที่บอกค่าเป็นตัวเลข บันทึกค่าที่ได้หลังปฏิบัติงานจากการตรวจแต่ละประเภท ได้แก่การตรวจกระดูก การบีบตัวของหัวใจห้องล่างซ้าย การตรวจระบบน้ำเหลือง การตรวจต่อมพาราไทรอยด์ การตรวจต่อมไทรอยด์ การตรวจไต การตรวจปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทั้งในขณะพักและขณะออกกำลังกาย โดยปริมาณรังสีที่พยาบาลได้รับจากการตรวจการบีบตัวของหัวใจห้องล่างซ้ายคือ 2.46±0.66 (ค่าเฉลี่ย±ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ไมโครซีเวิร์ต การตรวจปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทั้งในขณะพักและขณะออกกำลังกาย คือ 1.5±0.35 ไมโครซีเวิร์ต และ 5.5±0.7 ไมโครซีเวิร์ต ตามลำดับ ส่วนการตรวจอื่นๆ ไม่สามารถวัดค่าได้ และค่าประเมินปริมาณรังสีสะสมที่พยาบาลได้รับตลอดทั้งปีจากสถิติงานบริการเท่ากับ 140.86 ไมโครซีเวิร์ต ซึ่งปริมาณรังสีที่พยาบาลได้รับจากการปฏิบัติงานที่หน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์นั้นอยู่ในระดับปลอดภัย ภายใต้ข้อกำหนดของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันอันตรายจากรังสี (ICRP)

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

International Commission Radiological Protection. 1990 Recommendations of the International Commission on Radiological Protection. ICRP Publication No 60. Pergamon press. New York, 1991

International Commission on Radiological Protection. The 2007 Recommendations of the International Commission on Radiological Protection. ICRP Publication No 103. Pergamon press. New York, 2007

สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.ความรู้เกี่ยวกับแผ่นวัดรังสี ทีแอลดี(TLD card) และแผ่นวัดรังสีโอเอสแอล (OSL).นนทบุรี.สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

Donmoon T, Chamroonrat W, Tuntawiroon M. Radiation exposure to nuclear medicine staffs during 18F-FDG PET/CT procedure at Ramathibodi Hospital. J of Physics.2016: Conf. Ser. 694 012061

Sattari A, Dadashzadeh s, Nasiroghli G, Firoozabadi. Radiation dose to the nuclear medicine nurses. Iran J.Radiat.Res.2004;2(2):59-62.

Bayram T, Yilmaz AH, Demir M, Sonmez B. Radiation dose to technologists per nuclear medicine examination and estimation of annual dose. J Nucl Med Technol. 2011; 39(1): 55-9

Kositwattanarerk A, Changmuang W, Poonak K, Wongkaew O, Thingklam K and Utamakul C. Radiation Doses to Technologists from Nuclear Medicine Imaging Procedures. The Asean Journal of Radiology 2011; 17 (3): 159-62.

H. Piwowarska-Bilska B. Birkenfeld M. Listewnik P. Zorga. Long-term monitoring of radiation exposure of employees in the department of nuclear medicine (Szczecin, Poland) in the years 1991–2007.Radiation Protection Dosimetry.2010; 140:(3):304–307

กฤตยา อุบลนุช.บทบาทของพยาบาลในงานเวชศาสตร์นิวเคลียร์.วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 2558 ปีที่ 35 ฉบับที่ 3 หน้า 191-206.

คณะอนุกรรมการความปลอดภัยทางรังสี มหาวิทยาลัยมหิดล.แนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางรังสี มหาวิทยาลัยมหิดล. Mahidol University Radiation Safety Guidelines. พิมพ์ครั้งที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-12-28

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ภู่นาค ก, เอื้อรัตนวงศ์ ส. การประเมินปริมาณรังสีที่พยาบาลได้รับจากการปฏิบัติงาน ด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์. Thai J Rad Tech [อินเทอร์เน็ต]. 28 ธันวาคม 2018 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];43(1):44-7. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjrt/article/view/246332

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ