การศึกษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัติสำหรับผู้ป่วยที่มาตรวจด้วยเครื่องเพท/ซีที ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
คำสำคัญ:
เครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัติ, ระบบการฉีดยาสำหรับการตรวจเพทซีทีบทคัดย่อ
บทนำ: เครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัติสำหรับ 18F-FDG ช่วยลดขั้นตอนการเตรียมสารเภสัชรังสีสำหรับฉีดด้วยมือ โดยมีเครื่องวัดความแรงรังสีอยู่ภายใน ทำให้ลดการได้รับรังสีของผู้ปฏิบัติงานเวชศาสตร์นิวเคลียร์ทั้งนักรังสีการแพทย์และพยาบาลผู้ทำหน้าที่ฉีดยา วัตถุประสงค์: ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องวัดความแรงรังสีที่อยู่ภายในเครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัตินี้ตามกระบวนการควบคุมคุณภาพ และทำการเปรียบเทียบความแรงรังสีที่ได้จากเครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัตินี้ว่ามีความแตกต่างจากที่วัดได้จากเครื่องวัดความแรงรังสีที่ใช้งานสำหรับเครื่องเพท/ซีทีหรือไม่ วิธีการศึกษา: ใช้ซีเซียม-137 เป็นสารกัมมันตรังสีมาตรฐานในการทดสอบความแม่นยำและความถูกต้องของการวัด ความคงที่ของการวัดซ้ำในแต่ละวัน และใช้ 18F-NaF ในการทดสอบการตอบสนองการวัดโดยใช้ความแรงรังสีเริ่มต้นที่ 40.73 มิลลิคูรี สลายตัวจนเหลือความแรงรังสี 0.1 มิลลิคูรี ว่ามีการอ่านค่าได้อยู่ในแนวเส้นตรงหรือไม่ และเปรียบเทียบค่าความแรงรังสีที่ได้จากเครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัตินี้กับเครื่องวัดความแรงรังสีสำหรับเครื่องเพท/ซีทีว่าต่างกันหรือไม่ สถิติที่ใช้ทดสอบคือ Pair t-test ที่ระดับนัยสำคัญ 0.01 ผลการศึกษา: เครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัติมีความแม่นยำที่ร้อยละ 0.23 ความถูกต้องที่ร้อยละ 0.42 ความคงที่ของการวัดซ้ำในแต่ละวันไม่เกินร้อยละ ±5 มีการตอบสนองความแรงรังสีของ 18F เป็นเส้นตรงได้ค่าครึ่งชีวิตที่ 109.73 นาที ต่างจากค่าจริงร้อยละ 0.009 ความแรงรังสีที่ได้จากเครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัติเปรียบเทียบกับเครื่องวัดความแรงรังสีสำหรับเครื่องเพท/ซีที แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ( p>0.01) สรุปผลการศึกษา: เครื่องวัดความแรงรังสีที่อยู่ภายในเครื่องบริหารสารเภสัชรังสีอัตโนมัตินี้ผ่านการทดสอบการควบคุมคุณภาพ ความแรงรังสีที่ได้ออกมาในช่วง 1-18 มิลลิคูรี ไม่แตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับการวัดด้วยเครื่องวัดความแรงรังสีสำหรับเครื่องเพท/ซีที
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Niederkohr RD, Hayden SP, Hamill JJ, Jones JP, Schaefferkoetter JD, Chiu E. Reproducibility of FDG PET/CT image-based cancer staging and standardized uptake values with simulated reduction of injected FDG dose or acquisition time. Am J Nucl Med Mol Imaging 2021;11(5):428-442
Tahari AK, Chien D, Azadi JR, Wahl RL. Optimum lean body formulation for correction of standardized u ptake value in PET imaging, J Nucl Med 2014;55(9):1481-1484
Covens P, Berus D, Vanhavere F, Caveliers V. The introduction of automated dispensing and injection during PET procedures: a step in the optimization of extremity doses and whole-body doses of nuclear medicine staff. Radiat Prot Dosimetry 2010;140(3):250–258
Schleipman AR, Gerbaudo VH. Occupational radiation dosimetry assessment using an automated infusion device for positron-emitting radiotracers. J Nucl Med Technol 2012;40:244–248.
Lecchi M, Lucignani G, Maioli C, Ignelzu G, Sole AD. Validation of a new protocol for 18F-FDG infusion using an automatic combined dispenser and injector system, Eur J Nucl Med Mol Imag 2012;39:1720–1729.
IAEA-TECDOC-602. Radionuclide dose calibrators. In: Quality control of nuclear medicine instruments 1991. Vienna: IAEA, 1991:17-34.
Cole EL, Stewart MN, Littich R, Hoareau R, Scott PJ. Radiosyntheses using Fluorine-18: the art and science of late stage fluorination, Curr Top Med Chem 2014;14(7):875-900.
Medrad intego. PET infusion system operation manual. Bayer Medical Care Inc. Indianola, Pennsylvania, 2018
Boellaard RB, Delgado-Bolton R, Oyen WJG, Giammarile F, Tatsch K, Eschner W, et al. FDG PET/CT:EANM procedure guideline for tumour imaging: version 2.0, Eur J Nucl Med Mol Imaging 2015;42:328–354
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย (The Thai Society of Radiological Technologists)
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทยและบุคคลากรท่านอื่น ๆในสมาคม ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
