การประเมินปริมาณรังสีที่ผ่านผิวผู้ป่วยจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอกในโรงพยาบาลคลองท่อม
คำสำคัญ:
ปริมาณรังสีที่ผิว, ปริมาณเอ็นทรานซ์เซอเฟซแอร์เคอร์ม่า, ค่าปริมาณรังสีอ้างอิงบทคัดย่อ
บทนำ: ปริมาณรังสีที่ผ่านผิวผู้ป่วยจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอกควรได้รับการประเมินเพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดค่าปริมาณรังสีที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอก ในโรงพยาบาลคลองท่อม โดยใช้ค่าปริมาณรังสีที่ผ่านผิว (Entrance Surface Air Kerma: ESAK) สำหรับเปรียบเทียบกับค่าปริมาณรังสีอ้างอิงระดับประเทศ และการศึกษาอื่น วิธีการการศึกษา: ค่าปริมาณรังสีที่ผ่านผิวของผู้ป่วยทำการคำนวณโดยใช้ค่าผลคูณปริมาณรังสีที่ออกมาจากเครื่องเอกซเรย์ (X-ray tube output) กับค่าปัจจัยของรังสีกระเจิงย้อนกลับบริเวณทรวงอก ทำการประเมินจากผู้ป่วยจำนวน 100 ราย โดยทำการวัดค่า X-ray tube output จากหัววัดรังสีชนิด Piranha และกำหนดค่าปริมาณรังสีอ้างอิงระดับหน่วยงานจากค่ามัธยฐานของค่าปริมาณรังสีที่ผ่านผิว ผลการศึกษา: ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน และค่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 75 ของปริมาณรังสีที่ผ่านผิวจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอกในท่า Posterior-anterior (PA) เท่ากับ 0.12, 0.11 และ 0.14 มิลลิเกรย์ ตามลำดับ เมื่อทำการเปรียบเทียบค่าปริมาณรังสีอ้างอิงระดับหน่วยงานซึ่งเท่ากับ 0.11 มิลลิเกรย์ กับรายงานค่าปริมาณรังสีอ้างอิงระดับประเทศที่รายงานเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 75 สำหรับการถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอก พบว่าค่าปริมาณรังสีที่ได้จากการศึกษานี้ต่ำกว่าค่าปริมาณรังสีอ้างอิงระดับประเทศ นอกจากนี้ยังต่ำกว่าค่าปริมาณรังสีอ้างอิงที่ได้จากการรายงานของการศึกษาอื่น สรุปผลการศึกษา: ปริมาณรังสีที่ผ่านผิวผู้ป่วยจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอกโดยใช้ค่าพารามิเตอร์สำหรับการตั้งค่าเอกซโพเชอร์ของโรงพยาบาลคลองท่อมค่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
Downloads
เอกสารอ้างอิง
International basic safety standards for protection against ionizing radiation and for the safety of radiation sources: safety series no. 115. Vienna, Austria: IAEA, 1996.
Toüa L, van der Merwe B, van der Linde B. Chest radiography: optimising the radiation dose at industrial mines in the Northern Cape province of South Africa. Occupational Health Southern Africa. 2022; 28(1): 4-10.
International Commission on Radiological Protection-103. Recommendations of the international commission on radiological protection. Annals of ICRP. Oxford: Pergamon Press; 2007.
International Atomic Energy Agency. Dosimetry in diagnostic radiation: an international code of practice, technical report series no. 457. Vienna: International Atomic Energy Agency; 2007.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.ค่าปริมาณรังสีอ้างอิงในการถ่ายภาพรังสีวินิจฉัยทางการแพทย์ของประเทศไทย 2564. กรุงเทพฯ: บริษัท บียอนด์ พับลิสชิ่ง จำกัด; 2564.
ศุภวิทู สุขเพ็ง. การวัดปริมาณรังสีเอกซ์จากการตรวจวินิจฉัย และแนวทางการใช้รังสีอย่างเหมาะสม. พิษณุโลก: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2559.
Japan Association on Radiological Protection in Medicine. (2017). Diagnostic reference levels based on latest surveys in Japan 2015. Cited November 29, 2017, Available from http://www.radher.jp/J-RIME/report/DRLhoukokusyoEng.pdf.
Hart D, Shrimpton PC. Fourth review of the UK national patient dose database. Br J Radiol. 2012; 85(1018): e957-8.
Witchathorntrakun W, Wongsanon S and Kheonkaew B. Skin Radiation Dose of Patient Undergoing Chest Radiography in Srinagarind Hospital, Faculty of Medicine, Khon Kaen University. Srinagarind Med J. 2010; 25(2): 120-24.
Netwong Y. The evaluation of Entrance Surface Air Kerma from conventional diagnostic radiography in Prasat Neurological Institute using Dose Area Product values. Journal of the Department of Medical Services. 2020; 45(3): 90-97.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทย (The Thai Society of Radiological Technologists)
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมรังสีเทคนิคแห่งประเทศไทยและบุคคลากรท่านอื่น ๆในสมาคม ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว

