The Effect of Health Promotion by Pender’s Theory for Behavior Change for High Blood Pressure control to Prevent Hypertension-related Complications among Elderly at Public Health Center Det udom District Ubon Ratchathani Province
Keywords:
Health promotion by Pender’s theory, complications, high blood pressureAbstract
The research was a quasi-experimental study. It aimed to compare the differences of the mean scores of the health promotion program according to Pender’s theory in behavioral changes to control high blood pressures to prevent complications following the experiment between the experimental group and the control group. The subjects totaled 68 divided into two groups of 34 each. The experimental group underwent a health promotion program based on Pender’s concept on behavioral changes to control high blood pressure to prevent complications. The methods used were a visual slide display, a good model presentation, a training demonstration, a self-caring handbook, and focus group. Data were collected by a questionnaire. Descriptive statistics were used for general data and inferential statistics were used for comparative data. The research results revealed that following the experiment, the experimental group had a higher value of scores than before the experiment and higher than the comparative group in the aspects of perception of high blood pressure disease, of benefits and obstacles of health promotion to control blood pressure to prevent complications and behaviors to control high blood pressure and to prevent complications at a statistical significance of 0.05
References
ความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย, สมาคม. (2555). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตในเวชปฏิบัติทั่วไป. ค้นเมื่อวันที่ 1มิถุนายน 2558, จาก http://www.thaihypertension.org/hypertensiondetail.php?n_i=216
รายงานผลการคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตตาม. โครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวงทรงห่วงใยสุขภาพประชาชน. 2554 ค้นเมื่อ วันที่ 22 มิถุนายน 2558, จาก http://203.157.10.11/screen/sphp/reportncd1year54
รอ ชาญประโคน. (2557). “การประยุกต์ใช้รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายของประชาชนที่มีภาวะอ้วนในตำบลโคกมะขาม อำเภอประโคนชัยจังหวัดบุรีรัมย์,” วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ. 6, (3), 30-38.
โรคไม่ติดต่อ,สำนักงาน. (2558). อัตราผู้ป่วยในและสถิติการเสียชีวิตด้วยโรคความดันโลหิตสูงระหว่างปี พ.ศ.2554-2557.ค้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2558,จาก http://www.thaincd.com/information-statistic/non-communicable-disease-data.php
ศราวัลย์ อิ่มอุดม. (2548). การประยุกต์รูปแบบพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของเพนดอร์เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการออกกาลังกายที่ถูกต้องในผู้สูงอายุ ชุมชนบ้านสาราญ ตำบลสาราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สาธารณสุขอาเภอเดชอุดม, สานักงาน. (2558). สถิติผู้ป่วยโรคไม่ติต่อเรื้อรัง ปี 2556-2558. อุบลราชธานี: สาธารณสุขอาเภอเดชอุดม.
สุภาพร บุญมี. (2552). การประยุกต์รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์เพื่อพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพของ ชายวัยทองอำเภอประทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา สุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สารวจสุขภาพประชาชนไทย, สำนักงาน. (2552). รายงานการสำรวจ สุขภาพของประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552. ค้นเมื่อวันที่ 21มิถุนายน 2558, จาก http://www.hiso.or.th/Hiso5/report/report1.php.
อรพิน เทอดอุดมธรรม. (2550). ผลของโปรแกรมเสริมสร้างอำนาจต่อพฤติกรรมป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้สูงอายุที่มีโรคความดันโลหิตสูง. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรุณ จิรวัฒน์กุล. (2546). ชีวสถิติ. พิมพ์ครั้งที่ 3. ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา.
Chobanian, A. V., & Hill, M. National Heart, Lung, and Blood Institute. (2000). “Workshop on Sodium and Blood Pressure: A critical review of current scientific evidence,” Hypertension. 35,863.
World Health Organization. (2011). Global Status Report on Non Communicable Diseases 2010. ค้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2559, จากhttp://www.who.int /nmh/publications/ncd_report_full_en
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น