ผลของโปรแกรมพัฒนาความรู้ และการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษา
คำสำคัญ:
ผลของโปรแกรมพัฒนาความรู้, การรับรู้ความสามารถของตนเอง, การป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นบทคัดย่อ
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมพัฒนาความรู้ และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 โรงเรียนวัดพระญาติการาม จำวน 34 คน เป็นกลุ่มทดลอง ที่ได้รับโปรแกรมพัฒนาความรู้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และกลุ่มเปรียบเทียบเป็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ของโรงเรียนประตูชัย จำนวน 34 คน ได้รับการเรียนการสอนปกติ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจากการสุ่มเลือกโรงเรียนคู่ที่สมัครใจเข้าร่วมวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ชุด ดังนี้ ชุดที่ 1 คือโปรแกรมพัฒนาความรู้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ชุดที่ 2 คือ แบบสอบถามชนิดตอบด้วยตน แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 แบบวัดความรู้เรื่องการคุมกำเนิดมีความเชื่อมั่นที่ระดับ 0.71 ส่วนที่ 2 แบบวัดการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีความเชื่อมั่นที่ระดับ 0.89 และส่วนที่3 แบบวัดความคาดหวังในผลดีของการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีความเชื่อมั่นที่ระดับ 0.87 วิเคราะห์ข้อมูลโดยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Chi – square test, Independent t-test และ Paired t-test
ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีค่าคะแนนความรู้เรื่องการคุมกำเนิด การรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการตั้งครรภ์ และความคาดหวังในผลดีของการป้องกันการตั้งครรภ์สูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ และสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001)
สรุป โปรแกรมพัฒนาความรู้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่ประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองร่วมกับกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมได้ผลดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการอบรมหรือสัมมนาเพื่อพัฒนาการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2543). คู่มือการฝึกอบรมแบบมีส่วนร่วม. นนทบุรี : โรงพิมพ์วงศ์กมลโปรดักชั่น.
กลุ่มงานส่งเสริมสุขภาพ. (2561). รายงานการดำเนินงานคลินิกวัยรุ่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. พระนครศรีอยุธยา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา.
คลังพลอย เอื้อวิทยาศุภร และอรณิชา โพธิ์หมื่นทิพย์. (2554). ความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่น อำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครราชสีมี. 17(2), 15-16.
จิราวรรณ พักน้อย, นิสากร กรุงไกรเพชร และพรนภา หอมสินธุ์. (2560). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างทักษะชีวิตต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตน และความคาดหวังในผลลัพธ์ของการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 35(3), 58-68.
ธวัชชัย วรพงศธรร. (2543). หลักการวิจัยทางสาธารณสุขศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พอเพ็ญ ไกรนรา, เมธิณี เกตวาธิมาตร และมัณฑนา มณีโชติ. (2556). ผลของโปรแกรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมโดยแกนนานักศึกษาพยาบาลต่อความรู้ ทัศนคติและความตั้งใจในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของวัยรุ่นตอนต้น. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา. 19(12), 20-30.
ภาสิต ศิริเทศ, กนิษฐา จารูญสวัสดิ์, ศุภชัย ปิติกุลตัง และกรวรรณ ยอดไม้.(2560). ผลของโปรแกรมพัฒนาทักษะชีวิตต่อการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารสาธารณสุขศาสตร์. 47(3), 241-254.
ภาสิต ศิริเทศ. (2562). ผลของโปรแกรมพัฒนาทักษะชีวิตในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นตอนต้น. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 8(2), 123-132.
มณฑิชา รักศิลป์. (2561). ความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับเพศศึกษาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาสาธารณสุขชุมชน คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏอุบลราชธานี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 7(1), 82-90.
สุขสถาพร จันทมาศ, ราณี วงศ์คงเดช และนิรันดร์ อินทรัตน์. (2561). การเสริมสร้างพฤติกรรมการป้องกันโรคเอดส์ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิควิชาชีพแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 7(2), 174-184.
ลัชนาลัย ฉายศรี, จรวยพร สุภาพ, ปิยะธิดา ขจรชัยกุล และปรารถนา สถิตวิภาวี. (2553). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วารสารสาธารณสุขศาสตร์. 40(2), 161-174.
วรวรรณ์ ทิพย์วารียมย์, อาภาพร เผ่าวัฒนา และปัญญรัตน์ ลาภวงศ์วัฒนา. (2556). ปัจจัยที่ใช้ทานายพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของเด็กวัยรุ่นชาย จังหวัดพิษณุโลก. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 27(1), 31-45.
วีระชัย สิทธิปิยะสกุล,พิชานัน หนูวงษ์, รัชนี ลักษิตานนท์ และเบญจา ยมสาร. (2555). สารวจความคิดเห็นและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นในประเทศไทย. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 22(6), 979-987.
ศิริพร ชุดเจือจีน, ประไพพิศ สิงหเสม และสุดารัตน์ วุฒิศักดิ์ไพศาล. (2560). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตน ในการสร้างเสริมทักษะชีวิตต่อพฤติกรรมสุขภาพทางเพศของนักเรียน.วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 4(2), 268-280.
สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต.(2553). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม.พิมพ์ครั้งที่ 7.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สายฝน เอกวรางกูร. (2556).พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของเยาวชน. วารสารเกื้อการุณย์. 20(2), 16-26.
แสงวรรณ ตั้งแสงสกุล, นันทวัน สุวรรณรูป, ปิยะธิดา นาคะเกษียร และรุ้งนภา ผาณิตรัตน์. (2560). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างทักษะชีวิตด้านสุขภาพทางเพศต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยของนักเรียนวัยรุ่นตอนต้น. วารสารพยาบาลทหารบก. 18(2), 119-128.
สำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ. (2557). การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นอย่างมีส่วนร่วม. รวมงานวิจัย พ.ม.ปี 2553 – 2556 . พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนสามัญณัฐภร เพลท.
สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2560). ยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. 2560-259 ตามพระราชบัญญัติการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ใยวัยรุ่น พ.ศ. 2559. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์เทพเพ็ญวานิสย์.
Bandura A. (1985). Social foundation of thought and action: a social cognitive theory. Englewood Cliff (N.J.): Prentice Hall.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น