The effect of the application program of self - efficacy and social support theory for health behavior developing to prevent the gingivitis on grade 7th students in Maptaphut Municipality, Mueang Rayong District, Rayong province
Keywords:
Self-efficacy, Social support, Gingivitis preventionAbstract
This research objective: To compare the results of the intervention program of before-and -after study, applying the program of self - efficacy and social support theory for health behavior developing to prevent the gingivitis on Grade 7th students in Maptaphut Municipality, Mueang Rayong District, Rayong province, within and between the experimental group and the comparison group Is a semi-experimental study. The subjects were 68 Grade 7th students, divided into 34 experimental groups and 34 comparison groups. The experimental group received a health behavior development program for gingivitis prevention. The intervention in this program base on the concept of self-efficacy and social support. The comparison group received knowledge from health facilities as usual. Data were analyzed by frequency distribution, percentage, mean, standard deviation and minimum, paired t-test and independent t-test at 0.05 level.
The results showed that After the experiment found that the levels of the average score of the experimental group, in the knowledge about the gingivitis and proper brushing, the self-efficacy in the prevention of gingivitis, expectations in the positive effect of the prevention of gingivitis practice in the prevention of gingivitis by an experimental has level and higher score, plaque density score lower than the comparison group, statistically significant at the level 0.05
It can be concluded that the application of self-efficacy and social support theory in the development of healthy behavior for preventing gingivitis of the Grade 7th students and teacher prompts are one part that makes students brush their teeth more properly. As a result, the Grad 1 students has a high level of knowledge and practice the contribute to plaque reduction and further decay.
References
กมลทิพย์ สุขสันติสกุลชัย และคณะ. ทันตกรรมป้องกัน. ขอนแก่น : โครงการตำรา วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดขอนแก่น, 2551.
ขวัญดาว พันธ์หมุด. ผลของการใช้โปรแกรมทันตสุขศึกษาโดยการประยุกต์ทฤษฎีความสามารถของตนเองร่วมกับทฤษฎีแรงสนับสนุนทางสังคม ในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการป้องกันโรคเหงือกอักเสบของนักเรียนชันประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2549.
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยอง, โรงพยาบาล. รายงานการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปาก ปี พ.ศ. 2561. ระยอง:โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยอง, 2561.
นภาพร แหวนแก้ว.(2562).ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3 Self ร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาล ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ.วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.ปีที่ 8 (ฉบับที่ 2), 98.
ประพิณทิพย์ หมื่นน้อย. ผลของโปรแกรมสุขศึกษาโดยการประยุกต์ ทฤษฎีความสามารถของตนเองร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2548.
ปรียานุช เพียยุระ. ผลของโปรแกรมสุขศึกษาโดยการประยุกต์ ทฤษฎีแรงสนับสนุนทางสังคมของผู้ปกครองต่อการดูแลทันตสุขภาพเด็กก่อนวัยเรียนในศูนย์ พัฒนาเด็กเล็ก อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2550.
รัตนากร จันใด.(2559). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะของตนเองร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมการใช้ยาลดระดับความดันโลหิตสูง ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง.วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.ปีที่ 5 (ฉบับที่ 1), 75.
เวณิการ์ หล่าสระเกษ. ผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถของตนเองร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในการฝึกผู้นำนักเรียนเพื่อการป้องกันโรคเหงือกอักเสบในนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2552.
ศิริพร โยปินตา.ประสิทธิผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาในการปรับเปลี่ยน ความรู้การรับรู้ความรุนแรง และพฤติกรรมการป้องกันโรคในช่องปาก เด็กก่อนวัยเรียนของผู้ปกครองของเด็กเล็กในศูนย์เด็กเล็กบ้านหัวน้ำ ตำบลแม่มอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง. การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยพะเยา, 2555.
สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550.
สาธารณสุขจังหวัดระยอง, สำนักงาน. รายงานการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปาก จังหวัดระยอง ปี พ.ศ. 2561. ระยอง:สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง, 2561.
สุกัญญา แซ่ลี้. การประยุกต์แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพและการสนับสนุนทางสังคมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบของนักเรียนประถมศึกษา ตำบลนาข่า อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2551.
อรกัญญา บัวพัฒน์. ประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาโดยการประยุกต์ทฤษฎีความสามารถของตนเองร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในการพัฒนาพฤติกรรม การแปรงฟันอย่างถูกตองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านเลื่อม อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2551.
Cronbach, Lee. J. (1990). Essentials of Psychology Testing. 5th ed. New York : Harper Collins Publishers Inc. 1990.
Lemeshow S, Hosmer DW, Jr., Klar J, Lwanga SK. (1990). Adequacy of sample size in health studies. World Health Organization; [cited 2019 Dec 21]. Available from: http://apps.who.int/iris/handle/ 10665/41607#sthash.5M50LUez.dpuf [cited 11 May 2019].
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น