การพัฒนาระบบบริบาลทางเภสัชกรรมสำหรับการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจช่วงบนและหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เพื่อส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะสมเหตุผล โรงพยาบาลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
การบริบาลทางเภสัชกรรม, โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน, ยาปฏิชีวนะบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริบาลทางเภสัชกรรมสำหรับการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนและหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน ของโรงพยาบาลนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มเป้าหมายคือ คณะกรรมการเภสัชและการบำบัดและคณะกรรมการทีมดูแลผู้ป่วยจำนวน 30 คน และผู้ป่วยกลุ่มจำนวน 250 คน เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย แบบประเมินระดับการมีส่วนร่วมและแบบประเมินความพึงพอใจสำหรับผู้มีส่วนร่วมในการวิจัย และแบบประเมินความรู้และพฤติกรรมเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ แบบประเมินคุณภาพชีวิต และแบบประเมินปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาสำหรับผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการประชุมแบบมีส่วนร่วม การสนทนากลุ่ม และการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย ระบบที่ได้จากการพัฒนาครั้งนี้มี 8 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาบริบทพื้นที่ 2) การแต่งตั้งคณะทำงาน 3) การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ 4) การวางแผนงาน 5) การดำเนินการตามแผน 6) การสังเกตผลและติดตามผล 7) การประเมินผล และ 8) การถอดบทเรียน ซึ่งหลังการพัฒนาระบบบริบาลทางเภสัชกรรมพบว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบมีส่วนร่วมและมีความพึงพอใจที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และกลุ่มผู้ป่วยมีระดับความรู้และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการยาปฏิชีวนะ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และอัตราการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยลดลงจากร้อยละ 18.9 เป็นร้อยละ 11.7
สรุป โรงพยาบาลนาจะหลวยผ่านเกณฑ์การใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนหลังการพัฒนาระบบบริบาลทางเภสัชกรรม โดยมีปัจจัยแห่งความสำเร็จคือ การร่วมกันกำหนดแนวทางการรักษาที่ชัดเจน ระบบกำกับติดตามที่ใกล้ชิดและเป็นปัจจุบัน การจัดการความรู้ที่ถูกต้องในผู้ป่วย และการใช้ยาสมุนไพรที่เป็นทางเลือกในการรักษา
เอกสารอ้างอิง
กมลนัทธ์ ม่วงยิ้ม. (2557). ความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในบุคคลากรทางการแพทย์. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 1–28. สืบค้นจาก https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/4695
กานนท์ อังคณาวิศัลย์ และคณะ (2555). ความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผลของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหิดล. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข. 6(3), 374–381.
จิรชัย มงคลชัยภักดิ์, จิรวัฒน์ รวมสุข และเอมอร ชัยประทีป. (2555). การศึกษาความรู้และพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะของผู้รับบริการ ในร้านยาชุมชนจังหวัดปทุมธานี. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย. 6(2), 91–100.
ดาวรุ่ง คำวงศ์ และ สังฆวัตร์ ทิวทัศน์. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาของอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน. ไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ. 7(3), 121-126.
พิสนธิ์ จงตระกูล. (2558). โรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล:เส้นทางสู่การใช้ยาอย่างสมเหตุผล. วารสารเภสัชวิทยา. 37(1), 48–62.
ภาณุมาศ ภูมาศ และคณะ. (2555). ผลกระทบด้านสุขภาพและเศรษฐศาสตร์จากการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 6(3), 352–360.
วิวรรธน์ อัครวิเชียร (2541). เภสัชกรรมคลินิกและบริบาลเภสัชกรรม. เภสัชกรรมคลินิก Clinical Pharmacy, วิวรรธน์ อัครวิเชียร, บรรณาธิการ. 2541, ขอนแก่นการพิมพ์: ขอนแก่น. หน้า 1- 19.
สมหญิง พุ่มทอง และคณะ. (2560). บทเรียนจากการขยายผลสู่ความยั่งยืนของโครงการส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 4(11), 500–515.
สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล, วิระวรรณ ตันติพิวัฒนสกุล และวนิดา พุ่มไพศาลชัย. (2545). เครื่องชี้วัดคุณภาพชีวิตขององค์การอนามัยโลกชุดย่อ ฉบับภาษาไทย (WHOQOL – BREF – THAI). [online]. สืบค้นจาก https://www.dmh.go.th/test/download/files/whoqol.pdf
คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาสมเหตุผล. (2558). คู่มือการดำเนินงานโครงการ โรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล. พิมพ์ครั้งที่ 1. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
นิธิมา สุ่มประดิษฐ์, กัญญดา อนุวงศ์ และพิสนธิ์ จงตระกูล (2553). ผลของโครงการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล : การนำร่องที่จังหวัดสระบุรี. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 19(6), 899–911.
ทิพวรรณ วงเวียน. (2557). ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะในโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจส่วนบนของผู้ป่วยนอกที่เป็นโรคดังกล่าวในโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา. วารสารเภสัชกรรมไทย. 6(2), 106–114.
ภาณุมาศ ภูมาศ และคณะ. (2555). ผลกระทบด้านสุขภาพและเศรษฐศาสตร์จากการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข. 6(3), 352–360.
สุวัฒน์ ปริสุทธวุฒิพร และมัณฑนา เหมชะญาติ. (2557). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะของผู้รับบริการในโรงพยาบาลขลุง จังหวัดจันทบุรี. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิกโรงพยาบาลพระปกเกล้า, 31(2), 114-127.
Best JW &Kahn JV. (2014). Research in education (10th edition). United States of America: Pearson Education Limited.
Boonyasiri, A., &Thamlikitkul, V. (2014).Effectiveness of multifaceted interventions on rational use of antibiotics for patients with upper respiratory tract infections and acute diarrhea. Journal of the Medical Association of Thailand, 97(3), 13-19.
Chanishvili, N., & Aminov, R. (2019). Bacteriophage therapy: Coping with the growing antibiotic resistance problem. Microbiology Australia. 40(1), 5–7.
Grijalva, C. G., Nuorti, J. P. &Griffin, R. (2009). Antibiotic prescriptions rates for acute respiratory tract infections in the United States ambulatory. The Journal of the American Medical Association, 302(7), 758–766.
Holloway, K. A., Rosella, L., &Henry, D. (2016). The Impact of WHO Essential Medicines Policies on Inappropriate Use of Antibiotics. PloS one, 11(3), [online]. Retrieved from https://doi.org/10.1371/journal.pone.0152020
Kemmis, S &McTaggart, R. (1988). The Action Research Planer (3rd ed.). Victoria : Deakin University.
Krejcie, R.V.,and Morgan D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Psychological measurement. 30(3), 607-610. [online]. Retrieved from https://doi.org/10.1177/001316447003000308
O’Neill, J. (2016). Tackling drug-resistant infections globally: final report and recommendations the review on antimicrobial resistance chaired by Jim O’Neill. Retrieved from https://amr-review.org/sites/default/files/160518_Final%.pdf
Saengcharoen, W., Lerkiatbundit, S., &Kaewmang, K. (2012). Knowledge, attitudes, and behaviors regarding antibiotic use for upper respiratory tract infections: A survey of Thai students. Southeast Asian Journal of Tropical Medicine and Public Health, 43(5), 1233–1244.
Van Boeckel, T. P., Gandra, S., Ashok, A., Caudron, Q., Grenfell, B. T., Levin, S. A., & Laxminarayan, R. (2014). Global antibiotic consumption 2000 to 2010: An analysis of national pharmaceutical sales data. The Lancet Infectious Diseases, 14(8), 742–750.
World Health Organization. (2002). Promoting rational use of medicines: core components. WHO Policy Perspectives on Medicines, Retrieved from https://doi.org/10.1038/clpt.1991.76
World Health Organization. (2012). The Pursuit of Responsible Use of Medicines: Sharing and Learning from Country Experiences, Retrieved from https://www.who.int/medicines/publications/responsible_use/en/
You, J. H. S., Yau, B., Choi, K. C., Chau, C. T. S., Huang, Q. R., & Lee, S. S. (2008). Public knowledge, attitudes and behavior on antibiotic use: A telephone survey in Hong Kong. Infection, 36(2), 153–159
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2020 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น