การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไตเสื่อม โรงพยาบาลโพธิ์ไทร อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี

ผู้แต่ง

  • ฉวีวรรณ กลิ่นหอม หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  • นิรุวรรณ เทิร์นโบล์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  • สุรศักดิ์ เทียบฤทธิ์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

คำสำคัญ:

โรคเบาหวาน, ภาวะไตเสื่อม, การใช้ยาอย่างสมเหตุผล

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไตเสื่อม โรงพยาบาลโพธิ์ไทร เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะไตเสื่อมระยะที่ 3 โดยการมีส่วนร่วมของผู้ดูแลผู้ป่วย อสม. และบุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้เกิดการใช้ยาที่ถูกต้องเหมาะสมและแก้ไขปัญหาด้านการใช้ยาของผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ร่วมวิจัยคือกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการในคลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลโพธิ์ไทร จำนวน 99 คน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วย จำนวน 114 คน เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถาม โดยผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ มีคุณภาพด้านความเที่ยงตรง (Validity) เท่ากับ 0.67-1.00 และค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดย Cronbach’s alpha coefficient ของแบบสอบถามทั้ง 3 ชุดเท่ากับ 0.873 0.877 และ 0.965 ตามลำดับ ด้านข้อมูลเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากการสังเกตและข้อเสนอแนะ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาด้วยหลักการจำแนกเพื่อจัดระบบข้อมูลเพื่อตอบคำถาม และหาสาเหตุในความสัมพันธ์เเละกระบวนการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล

                ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะไตเสื่อมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 55.60) อายุเฉลี่ย 71.78 ปี (S.D.=9.86) มีอาชีพเกษตรกรรม (ร้อยละ 58.58) รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 1,500 บาท (ร้อยละ 66.67) (ค่าเฉลี่ย=1765.15, S.D.=2015.05) อาศัยอยู่กับครอบครัวโดยมีลูกเป็นผู้ดูแล (ร้อยละ52.53) การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการใช้ยาในผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะไตเสื่อม โดยการมีส่วนร่วมของผู้ดูแลผู้ป่วยและ อสม.ร่วมกับบุคลากรสาธารณสุข การให้ความรู้เรื่องโรคเบาหวานและโรคไตเสื่อมและการใช้ยาที่ถูกต้อง การติดตามเยี่ยมผู้ป่วยเบาหวานที่บ้าน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมการใช้ยาและแก้ไขปัญหาด้านการใช้ยาให้ถูกต้องเหมาะสม จำนวนปัญหาการใช้ยาลดลงจาก 88 ปัญหาหรือเฉลี่ย 0.89 ปัญหาต่อราย เหลือ 16 ปัญหา หรือเฉลี่ย 0.16 ปัญหาต่อราย ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ดูแลผู้ป่วย มีความรู้ในระดับมากเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.31 และ 39.39 ตามลำดับ และคะแนนพฤติกรรมการใช้ยาและการดูแลผู้ป่วยในระดับมากเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.43 และ 60.61 ตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p-value<0.001)

                โดยสรุปรูปแบบการส่งเสริมการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไตเสื่อมที่ได้จากการศึกษาวิจัยนี้ คือ PCHK model ประกอบด้วย 1. ผู้มีส่วนร่วม (Participants) 2. การให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหาโดยเภสัชกร (Counseling) 3. การเยี่ยมบ้าน (Home visit) 4. การให้ความรู้ (Knowledge) ทำให้การใช้ยาถูกต้องเหมาะสมและลดปัญหาด้านการใช้ยาของผู้ป่วยเบาหวาน

เอกสารอ้างอิง

กนกเลขา สุวรรณพงษ์. (2562). “การส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ยาในผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง,” วารสารแพทย์นาวี. 46, 3: 717-730. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/

กานต์ธีรา ชัยเรียบ. (2560). “การพัฒนารูปแบบการบริบาลทางเภสัชกรรมร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพในการดูแลผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายที่ได้รับการรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมทั้งในโรงพยาบาลและการดูแลที่บ้าน,” วารสาร Thai Journal of Pharmacy Practice. 10, 2: 324-336). สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/

จุรีพร คงประเสริฐ และคณะ. (2558). คู่มือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในคลินิก NCD คุณภาพ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

ธิดารัตน์ อภิญญา และคณะ. (2559). คู่มือปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานลดโรคไตเรื้อรัง (CKD)ในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์.

ปิยะดา ยุ่ยฉิม. (2561). “ผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการจัดการปัญหาการใช้ยาต่อพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในชุมชน,” วารสารสาธารณสุขศาสตร์. 48, 1: 44-56. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/

โรงพยาบาลโพธิ์ไทร. (2562). ฐานข้อมูลเวชระเบียนโปรแกรมระบบการให้บริการผู้ป่วย (Hospital Information System). อุบลราชธานี: โรงพยาบาลโพธิ์ไทร.

ลัดดาวัลย์ ปราบนอก. (2562). “การพัฒนารูปแบบการแก้ไขปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการใช้หลักการสุนทรียสาธกในงานบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ: กรณีศึกษาตำบลบึงงาม จังหวัดร้อยเอ็ด,” วารสารเภสัชกรรมไทย. 12, 4: 1041-1050. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/

วิชัย เอกพลากร และคณะ. (2557). รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557. นนทบุรี: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.

วินัดดา ดรุณถนอม. (2562). “ความร่วมมือและพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังในตำบลหัวง้ม อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย,”วารสารเชียงรายเวชสาร. 11,1: 19-27. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/

สุภาภรณ์ แก้วชนะ. (2562). “การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังโดยสหวิชาชีพ ณ โรงพยาบาลนางรอง,” วารสารเภสัชกรรมไทย. 12, 4: 195-206. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/

International Diabetes Federation (2017). About Diabetes, Facts and Figures. สืบค้น 15 ตุลาคม 2562, จาก https://www.idf.org/aboutdiabetes/what-is-diabetes/facts-figures.html

National Kidney Foundation (2015). About Chronic Kidney Disease. สืบค้น 15 ตุลาคม 2562, จาก https://www.kidney.org/atoz/content/about-chronic-kidney-disease

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

กลิ่นหอม ฉ. ., เทิร์นโบล์ น. ., & เทียบฤทธิ์ ส. . (2022). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไตเสื่อม โรงพยาบาลโพธิ์ไทร อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 11(1), 31–41. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ubruphjou/article/view/250954

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ