โปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลของนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์

ผู้แต่ง

  • กฤติญา ไพศาลรภัทร สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • ภัทรภร เจริญบุตร สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • กุลชญา ลอยหา สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

คำสำคัญ:

ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, ความตระหนัก, พฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi experimental research) แบบการศึกษาสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลอง (The Pretest–Posttest control group design) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลของนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 60 ตัวอย่าง โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง (Experimental group) จำนวน 30 ตัวอย่าง และกลุ่มควบคุม (Control group) จำนวน 30 ตัวอย่าง ทดสอบความตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถามโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน และทดสอบความเที่ยงของแบบสอบถามแบบได้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของครอนบาช 0.92 ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการวิจัย 12 สัปดาห์  โปรแกรมการทดลอง ประกอบด้วย กิจกรรมการเสริมสร้างความเข้าใจในข้อมูลและบริการสุขภาพ กิจกรรมการเสริมสร้างการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพ กิจกรรมเสริมสร้างทักษะการสื่อสารเพื่อให้ได้ข้อมูลตามที่ต้องการ กิจกรรมการตัดสินใจเลือกปฏิบัติที่ถูกต้องด้วยการเรียนรู้โดยประสบการณ์หรือตัวแบบจากผู้อื่น กิจกรรมการจัดการตนเอง และกิจกรรมการเสนอทางเลือกให้ผู้อื่น (การบอกต่อ) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด และสถิติเชิงวิเคราะห์ ใช้สถิติ Paired t–test เปรียบเทียบผลลัพธ์ภายในกลุ่ม และสถิติ Independent t–test เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มโดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05)
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มทดลอง ความรอบรู้ด้านสุขภาพ ความตระหนัก และพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะ ก่อน และหลังเข้าร่วมโปรแกรม มีคะแนนค่าเฉลี่ยความแตกต่างกัน (p-value<0.001) และคะแนนค่าเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพ ความตระหนัก และพฤติกรรมการใช้ยาปฎิชีวนะของนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ของกลุ่มทดลอง มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มควบคุมทุกด้าน และเมื่อทดสอบความแตกต่างด้วยสถิติ Independent t-test พบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรม กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=8.68, df=58.00, p<0.001))
สรุป  ผลของโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล  สามารถนำไปใช้ในเป็นข้อมูลในการวางแผนส่งเสริมในการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลสำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไปได้

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2560). แผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560-2564. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข,

กองยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (2563) .สถานการณ์การใช้ยาสมเหตุผลสภาพปัญหาและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563.

กองสุขศึกษา. (2562). การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล สำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขและประชาชนกลุ่มวัยทำงาน. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข,

กองสุขศึกษา. (2564) แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ตาม 3อ.2ส. ของประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ฉบับปรับปรุงปี 2561. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2564. จากhttp://www.hed.go.th/linkHed/333.

กานนท์ อังคณาวิศัลย์. (2553). ความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหิดล ปีการศึกษา 2554. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 6(3):374-81.

นัชชา ยันติ. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะของนักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จังหวัดปทุมธานี. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 7(2), 57-66.

ปริญดา ไอศูรย์พิศาลกุล และฉัตรวดี กฤษณพันธุ์.(2557). การสํารวจความรู้ด้านยาและการปฏิบัติตัวในการใช้ยารักษาตนเองของนิสิตชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ว. เภสัชศาสตร์อีสาน, 10(1) : 42-55,

พัชรี ดวงจันทร์ และคณะ. (2560). ผลการรณรงค์โดยใช้ทีมผู้นำการเปลี่ยนแปลงและสื่อกระแสหลักต่อแนวคิดและบรรทัดฐานทางสังคมเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข,11(4):481-499,

ศิริรัตน์ ธะประวัติ, ชุภาศิริ อภินันท์เดชา, และศิริวิทย์ หลิ่มโตประเสริฐ. (2021). ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 18(2): 290-301,

ศุภลักษณ์ สุขไพบูลย์ และคณะ. พฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะของผู้รับบริการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี. Paper presented at the การประชุมวิชาการ.

สรัญญรักษ บุญมุสิก รุ่งนภา จันทรา ชุลีพร หีตอักษร. (2562). ความรู้และพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผลของพยาบาลเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและสาธารณสุขภาคใต้. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ,2(1),25-36,

อรรัตน์ หวั่งประดิษฐ์, รวีวรรณ ช่วยบำรุง, กรกฎ สินประจักษ์ผล และวนิดา ประเสริฐ. (2558). ผลการจัดชุดกิจกรรมการให้ความรู้เรื่องยาต่อความรู้และพฤติกรรม การใช้ยาของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา, 10(1):87-95,

Aya Mostafa, et al. Is Health Literacy associated with antibiotic use, knowledge and awareness of antimicrobial resistance among non-medical university students in Egypt? A cross-sectional study. BMJ Open. 11:e046453.doi:10.1136/bmjopen-2020-046453,2021.

Bandura, A. Self-efficacy: The exercise of control. New York: Freeman,1997.

DaviesDS, Verde ER. WISH Antimicrobial Resistance Report 2013. Antimicrobial resistance:In search of a collaborative solution. Al Rayon: World Innovation Summit for Health: 1-26,2013.

FlorianSalm, et al. Antibioticuse, knowledge and Health Literacy among the general Population in Berlin, Germany and its surrounding rural areas. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2564. อ้างอิงจากเว็ปไซร์ https://doi.org

Jim O’Neill. Review on antimicrobial resistance. Antimicrobial resistance: Tackling a crisis for the health and wealth of nations. Retrieved October 6, 2020 from: https://amr-review.org/sites/default/files.

Kandeel, A., et al. An educational intervention to promote appropriate antibiotic use for acute respiratory infections in a district in Egypt-pilot study. BMC Public Health,19(3), 498-508,2019.

Sornkrasetrin,A.,et al. Factors predictingthe rational antibiotic use among Nursing Students.The Journal of Baromarajonani College of Nusing, Nakhonratchasima, 25(1): 43-59,2019.

World Health Organization. New report calls for urgent action to avert antimicrobial resistance crisis. Retrieved October 6, 2020 from: https://www.who.int/news-room/detail/29-04-2019- new-report-calls-for-urgent-action-to-avert-antimicrobial-resistance-crisis.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-04-28

รูปแบบการอ้างอิง

ไพศาลรภัทร ก. ., เจริญบุตร ภ. ., & ลอยหา ก. . (2023). โปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลของนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 12(1), 26–36. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ubruphjou/article/view/258811

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ