ผลของโปรแกรมความปลอดภัยในพระภิกษุสามเณร จังหวัดอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
โปรแกรมความปลอดภัย, พระภิกษุสามเณรบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการศึกษาผลของโปรแกรมความปลอดภัยในพระภิกษุสามเณร จังหวัดอุบลราชธานี แบบกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบการสุ่มอย่างง่ายในสามเณรที่บวชเป็นพระภิกษุไม่น้อยกว่า 1 ปี จำนวน 100 รูป ให้โปรแกรมความปลอดภัยติดต่อกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ซึ่งประกอบด้วย 4 กิจกรรม โดยใช้การวิเคราะห์ทางสถิติ Paired Sample t-test
ผลการเปรียบเทียบผลของโปรแกรมความปลอดภัยในพระภิกษุสามเณร พบว่าระดับความรู้ก่อนการจัดกิจกรรม มีความรู้ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับต่ำ จำนวน 89 รูป (ร้อยละ 89) หลังการจัดกิจกรรมมีระดับความรู้ ส่วนใหญ่ในระดับสูง จำนวน 98 รูป (ร้อยละ 98) และระดับทัศนคติ ก่อนการจัดกิจกรรม ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับปานกลางจำนวน 80 รูป (ร้อยละ 80) หลังการจัดกิจกรรมมีทัศนคติสูงขึ้นที่ระดับสูง จำนวน 90 รูป (ร้อยละ 90) พฤติกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัย ก่อนการจัดกิจกรรม ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับปานกลาง จำนวน 76 รูป (ร้อยละ 76.0) หลังการจัดกิจกรรม ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับสูง จำนวน 69 รูป (ร้อยละ 68.0) เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างค่าคะแนนเฉลี่ยภาพรวมรายด้านก่อนและหลังการให้โปรแกรมความปลอดภัย ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ด้านความปลอดภัย ด้านทัศนคติด้านความปลอดภัย และด้านพฤติกรรมด้านความปลอดภัยในพระภิกษุสามเณร พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p<0.001
สรุปการให้โปรแกรมความปลอดภัยผ่านกระบวนการแรงสนับสนุนทางสังคมอย่างเป็นระบบสามารถปรับเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมความปลอดภัยในพระภิกษุสามเณรมีทิศทางที่ดีขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2566). โครงการพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะด้านโภชนาการ ปี 2565, สืบค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2566 จาก http://doc.anamai.moph.go.th/index.php?r=str-project/view&id=5158
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, (2566). คู่มือแนวทางการดำเนินงานวัดส่งเสริมสุขภาพประจำปี 2566. สืบค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2566 จากhttps://apps.hpc.go.th/dl/web/index.php?r=download%2Fview&id=1639
ชัยกฤต ยกพลชนชัยและคณะ. (2565).ผลของโปรแกรมความปลอดภัยในการป้องกันการเกิดเพลิงไหม้ครัวเรือน บ้านบก อำเภอม่วงสามสิบจังหวัดอุบลราชธานี.วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ.5(2),1-17
วิวัฒน์ เหล่าชัยและคณะ. (2564).ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพของพระสงฆ์อาพาธด้วยโรคความดันโลหิตสูง.วารสารพยาบาลตำรวจ,13(2),326-335
วุฒิพงศ์ ธนะขว้าง. (2564).ประสิทธิผลโปรแกรมเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพการดูแลสุขภาพช่องปากในสามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน.วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน.7(1),87-97
ศิรินทร์ พฤกษ์พนา, (2564). ได้ศึกษาผลของโปรแกรมกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านสมาร์ทโฟนของพนักงานแปรรูปไม้ยางพารา.วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ.4(3).49-66
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, (2564). จำนวนวัดในประเทศปี 2555-2564.สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 จาก https://www.onab.go.th/th/content/category/detail/id/805/iid/9905
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, (2565). ข้อมูลวัดและพระทั่วประเทศ พ.ศ.2565.สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 จากhttps://www.onab.go.th/th/page/item/index/id/1
สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, (2563). ข้อมูลพื้นฐานทางพระพุทธศาสนาประจำปี2560-2563, โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ,กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานเลขานุการกรมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำนักอนามัยผู้สูงอายุ, (2565). ระบบข้อมูลวัดส่งเสริมสุขภาพและพระคิลานุปัฏฐาก สืบค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2566 จาก https://eh.anamai.moph.go.th/th/monk-data/
Svanström, Leif & Sundström, Moa. (1996). Promoting community safety. World Health, 49 (2), 26 - 27. World Health Organization. https://apps.who.int/iris/handle/10665/330463
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522. (2566,10 เมษายน) ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 96 ตอนที่ 80
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น