ผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs)
คำสำคัญ:
สารอินทรีย์ระเหยง่าย, แหล่งกำเนิด, ผลกระทบต่อสุขภาพบทคัดย่อ
สารอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds; VOCs) 9 ชนิด ได้แก่ Vinyl Chloride, 1,3 Butadiene, Dichloromethane, Chloroform, 1,2-Dichloroethane, Benzene, Trichloroethylene, 1,2-Di chloropropane และTetrachloroethylene จากแหล่งข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 12 ฉบับ
ผลการศึกษาพบว่า สาร VOCs ส่วนใหญ่มีแหล่งกำเนิดมาจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ในกระบวนการผลิตต่างๆ ได้แก่ เป็นสารตั้งต้นในกระบวนการผลิต เป็นตัวทำละลาย และเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต และการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากรถยนต์ แหล่งกำเนิดที่พบสารอินทรีย์ระเหยง่ายเกินมาตรฐาน พบมากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร รองลงมาคือ ระยอง ขอนแก่นและเชียงใหม่ สารอินทรีย์ระเหยง่ายที่พบในบรรยากาศเกินมาตรฐาน ได้แก่ 1,3-บิวทาไดอีน, คลอโรฟอร์ม, 1,2-ไดคลอโรอีเธน และ เบนซีน เป็นต้น
สรุป ผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับสัมผัส พบได้ทั้ง ผลกระทบแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง และพบว่าสารที่ยืนยันว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์กลุ่ม 1 มี 3 ชนิดคือ Vinyl Chloride, 1,3 Butadiene และ Benzene สารที่น่าจะเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ กลุ่ม 2A มี 2 ชนิดคือ Trichloroethylene และTetrachloroethylene ส่วนสารที่อาจจะเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ กลุ่ม 2B มี 4 ชนิดคือ Dichloromethane, Chloroform, 1,2-Dichloroethane,และ1,2-1,2-Di chloropropane ดังนั้นจึงควรมีการเฝ้าระวังการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมไม่ให้เกินมาตรฐานและรณรงค์ให้มีการใช้รถไฟฟ้าแทนรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงซึ่งเป็นการควบคุมมลพิษที่แหล่งกำเนิด
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมมลพิษ. (2566). รายงานสรุปสถานการณ์สารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศตามมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ.ค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2565, จาก https://www.pcd.go.th/maptapoottype/2
จตุภัทร เมฆพายัพ. (2560). การวัดและการระบุลักษณะแหล่งกำเนิดของสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดของประเทศไทย โดยการใช้เทคนิคการวิเคราะห์หลายตัวแปร: ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ธัญญรัตน์ ไชยคราม,สุเพชร จิรขจรกุล. (2557). การประยุกต์ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยสารอินทรีย์ระเหยง่าย จังหวัดระยอง. วารสาร Thai Journal of Science and Technology (TJST). 3(3). 160-172
นริฏา ฟักแก้ว, สุรัตน์ บัวเลิศ (2558). การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่มีผลต่อโอโซน บริเวณเขตเมือง, กรุงเทพมหานคร. วารสารวิจัย มข. (บศ.) 15 (1). 52-62.
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม. (2555). กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติในการตรวจสอบและควบคุมการรั่วซึมของสารอินทรีย์ระเหยจากอุปกรณ์ใน โรงงานอุตสาหกรรม. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงอุตสาหกรรม.
ประกาศกรมควบคุมมลพิษ. (2551). กำหนดค่าเฝ้าระวังสำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา 24 ชั่วโมง. กรุงเทพมหานคร: กรมควบคุมมลพิษ
วราวุธ เสือดี. (2555). แนวทางการจัดการสารอินทรีย์ระเหย. กรุงเทพมหานคร: กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย.
American Conference of Governmental Industrial Hygienist. (2023). Journal of Occupational and Environmental Hygiene. ค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.acgih.org.
The International Agency for Research on Cancer. (2023). IARC MONOGRAPHS ON THE DENTIFICATION OF CARCINOGENIC HAZARDS TO HUMANS. ค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2566, จาก https://monographs.iarc.who.int.
The National Institute for Occupational Safety and Health. (2023). NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. ค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.cdc.gov/niosh/npg
Occupational and Environmental Medicine Center. (2023). Nopparat Hospital. ค้นเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2566, จาก http://www.occmednop.com/nrhc/web/search/index.php
Occupational Safety and Health Administration. (2023). Regulations Standards. ค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2566, จาก https://www.osha.gov/lawsregs/regulations
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น