ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่น
คำสำคัญ:
พฤติกรรมการป้องกัน, ไวรัสโคโรนา 2019, หญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ (Analytic Cross-sectional study) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัย
ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่น จำนวน 182 คน คัดเลือกด้วยการ
สุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิและหาค่าความเที่ยงโดยหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค แบบสอบถามปัจจัยที่มีอิทธิพล และแบบประเมินพฤติกรรมการป้องกัน ได้ค่าความเที่ยง 0.732 และ 0.814 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุด และค่าต่ำสุด สัมประสิทธิสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสถิติสัมประสิทธิ์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการวิจัยพบว่า หญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นมีพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ในระดับปานกลาง (M=1.76, S.D=0.36) ปัจจัยการรับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติ (b=0.37, p-value<0.001) ปัจจัยการรับรู้อุปสรรคในการปฏิบัติ (b=-0.23,
p-value<0.001) ปัจจัยการรับรู้ความสามารถของตนเอง (b=-0.22, p-value=.028) ปัจจัยอิทธิพลระหว่างบุคคล (b=0.17,
p-value=.022) และปัจจัยอิทธิพลจากสถานการณ์ (b=0.31, p-value<0.001) สามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมการป้องกันการ
ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นได้ร้อยละ 27.0 (F=14.417, p-value<0.001) โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นมากที่สุด คือ ปัจจัยการรับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติ (b=0.37,
p-value<0.001)
สรุปและข้อเสนอแนะ การส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมและการสนับสนุนให้หญิงตั้งครรภ์วัยรุ่น มีภาวะสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้น การจัดกิจกรรมที่สร้างการรับรู้ถึงความสามารถในการดูแลตนเองและการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยเสริมสร้างการรับรู้และการปฏิบัติตนให้หญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
เอกสารอ้างอิง
กรมการแพทย์. (2564). แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(cpg). สืบค้น 30 เมษายน 2565, จากhttps://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/ghealth_care/g04_CPG170464.pdf
กรมควบคุมโรค. (2563). โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19). เรียกใช้เมื่อ 30 มิถุนายน 2564 จาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/faq_more.php.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. (2563). คู่มือการตรวจวินิจฉัย โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ทางห้องปฏิบัติการ. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2563 จาก https://drive.google.com/file/d/1TN__BAhu0cgSFOdPoA72X2SSqX40rIPW/vie
กรมอนามัย. (2564). การดูแลหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอดและทารกแรกเกิดภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของCOVID-19. สืบค้น 25 เมษายน 2565,จากhttps://covid19.anamai.moph.go.th
กระทรวงสาธารณสุข (2563) คู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับประเภทกิจการและกิจกรรม กลุ่มที่ 1: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์: กรุงเทพฯ.
กาญจนา ศรีสวัสดิ์, ชุติมา ปัญญาพินิจนุกูรและณัฐธิดา สอนนาค (2561) พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 38 (2), 95-109.
กาญจนา ศรีสวัสดิ์,เอกสิทธิ์ อักษร พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของสตรีตั้งครรภ์แรงงานข้ามชาติ.วารสารพยาบาลตำรวจ, 12 (2), 323-337.
จิระ สร้อยสุวรรณ. (2562). ความผิดปกติของภาพถ่ายรังสีทรวงอก (Chest X - ray) ของผู้ป่วยติดเชื้อ Covid - 19 ในโรงพยาบาลนครพิงค์. วารสารโรงพยาบาลนครพิงค์, 10(2), 74-79.
จิราวัลณ์ วินาลัยวนากูล (2562) ปัจจัยคัดสรรที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมความรับผิดชอบต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นในจังหวัดอำนาจเจริญ วารสารพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยสยาม, 20 (39), 8-19.
ฉัตรดาว สุจริต. (2564). การดูแลมารดาทารกยุค New Normal ในสถานการณ์โควิด-19: บทบาทของสถานบริการและสถานศึกษา. (เอกสารประกอบการประชุมออนไลน์) วันที่ 1-2 เมษายน 2564 ณ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ.
ช่อทิพย์ ผลกุศล,ศิริวรรณ แสงอินทร์ (2563).ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์แรงงาน ข้ามชาติในเขตจังหวัดชลบุรี. วารสารสภาการพยาบาล, 35 (4), 129-144.
ตวงพร กตัญญุตานนท์ (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ของนักศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. ว.วิทยเทคโนหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 7 (1), 8-20.
ไทยพีบีเอส. (2563). วิจัยสหรัฐฯ พบหญิงตั้งครรภ์ป่วย COVID "รก" ได้รับความเสียหาย. เรียกใช้เมื่อ 10 มิถุนายน 2564 จาก https://news.thaipbs.or.th/content/292-836.
ธานี ชัยวัฒน์. (2563). เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมว่าด้วยเส้นทางชีวิตและกิจกรรมร่วมของครัวเรือนไทยภายใต้สถานการณ์ COVID-19. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข,. รายงานฉบับสมบูรณ์ สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2565 https://www.hsri.or.th/researcher/research/new-release/detail/12693.
นารีมะห์ แวปูเตะ, คันธมาทน์ กาญจนภูมิและ กัลยา ตันสกุล. (2564) พฤติกรรมการป้องกันโรคจากไวรัสโคโรนา 2019 ของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 3 (2), 31-39.
ปัณณทัต ตันธนปัญญากรและคณะ(2565). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างการรับรู้เกี่ยววัคซีนป้องกันโรคโควิค-19 ของนักศึกษาสายวิทยาศาสตร์สุขภาพที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อสถานการณ์การระบาด.วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 17 (2), 73-87.
มะไลทอง วาปี, สุกัญญา ปริสัญญกุล,และปิยะนุช ชูโต. (2558). การรับรู้ประโยชน์ การรับรู้อุปสรรคของการสร้างเสริมสุขภาพและพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว. พยาบาลสาร, 42 (4), 108-119.
มาลีวัล เลิศสาครศิรฺ (2559). ต้นทุนชีวิตกับพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของสตรีตั้งวัยรุ่น.วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร, 24(1), 13-23.
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. (2563). แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด- 19 RTCOG Clinical Practice Guideline Management of Covid - 19 Infection in Pregnancy. สืบค้นวันที่ 15 มิถุนายน 2564 จาก http://covid19.dms.go.th/backend///Content/Content_File/Covid_Health/Attach/25630324214133PM_CPG-Covid Preg-20Mar20.pdf
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. (2564). แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ที่ติดโรคโควิด-19. ฉบับปรับปรุง Version 4 วันที่ 22 มกราคม 2565. สืบค้นเมื่อ 6 กรกฎาคม 2564, จาก http://www.rtcog.or.th/home/wp/
รุจา แก้วเมืองฝาง. (2563 ). การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด–19. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7 (11), 371-383.
วรรษมน จันทรเบญจกุล. (2563). การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. สืบค้น 4 สิงหาคม 2564, จาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/g_km/handout002_26022020.pdf
วรณิช พัวไพโรจน์, กิตติยาภรณ์ โชคสวัสดิ์ภิญโญ. (2563). วิถีชีวิตส่งเสริมสุขภาพ การดูแลตนเอง การกำกับตนเอง และการรับรู้ความสามารถตนเองของนักศึกษาพยาบาล. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 34 (1), 30-47.
วิญญ์ทัญญู บุญทัน (2563) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ของผู้สูงอายุ, วารสารพยาบาลตำรวจ, 12 (2), 323-337.
วิภาพร สิทธิสาสตร์ และสุชาดา สวนนุ่ม, (2550). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุใน ชุมชน เขตความรับผิดชอบของสถานีอนามัยบ้านเสาหิน ตำบลวัดพริก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก. วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีพุทธชินราช พิษณุโลก.
วิลาสินี บุตรศรี,อัญสุรีย์ ศิริโสภณ (2563) ศึกษาปัจจัยทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพในหญิงตั้งครรภ์ที่รับบริการฝากครรภ์ในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดนครสวรรค์. วารสารสหเวชศาสตร์, 5 (1), 60-70.
ศศิธร โพธิ์ชัย (2560). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์แรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา จังหวัดสระแก้ว. วิทยานิพนธ์หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี. กลุ่มรายงานมาตรฐานงานอนามัยแม่และเด็ก. เรียกใช้เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2565 จาก http://demo.phoubon.in.th/
สุภาภรณ์ นันตา ,พรรณพิไล ศรีอาภรณ์ และบังอร ศุภวิทิตพัฒนา (2561).อิทธิพลระหว่างบุคคล อิทธิพลของสถานการณ์และพฤติกรรม ส่งเสริมสุขภาพของมารดาวัยรุ่น.วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 36(4), 243-252.
อนุตรา รัตน์นราทร. (2563). รายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19): ผู้ป่วยรายแรกของประเทศไทยและนอกประเทศจีน. วารสารสถาบันบำราศนราดูร, 14(2), 11-18.
อิทธิพล ดวงจินดา,ชวนพิศ ศิริไพบูลย์และศรีสุรางค์ เคหะนาค.(2564). การรับรู้ความสามารถของการดูแลตนเองและพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 กับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 14(4), 111-126.
อังสินี กันสุขเจริญ และวรวรรณ เจริญสุข. (2563). การจัดบริการฝากครรภ์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 โรงพยาบาลหัวหิน. วารสารหัวหินสุขใจไกลกังวล, 5(1), 39-49.
ฮูดา แวหะยี. (2563). การรับรู้ความรุนแรงและพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ของวัยรุ่นในเขตตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา. วารสารวิชาการ สาธารณสุขชุมชน, 6(4), 158-168.
Alimohammadi, S., Zarei. M. (2021). Clinical characteristics and outcomes of pregnant women with COVID-19 and comparison with control patients: A systematic review and meta-analysis. Review in Medical Virology, e2208. doi:https://doi.org/10.1002/rmv.2208/
Hammad, W. A. B., Beloushi, M. A., Ahmed, B., & Konje, J. C. (2021). Severe acute respiratory syndrome (SARS) coronavirus-2 infection (COVID-19) in pregnancy - An overview. European journal of obstetrics, gynecology, and reproductive biology, 263, 106–116. doi.org/10.1016/j.ejogrb.2021.06.001
Hapshy, V., Aziz, D., Kahar, P., Khanna, D., Johnson, K. E., & Parmar, M. S. (2021). COVID-19 and pregnancy: risk, symptoms, diagnosis, and treatment. SN Comprehensive Clinical Medicine, 3(7), 1477–1483.
Pender, N. J., Murdaugh, C. L., & Parson, M.A. (2006). Health promotion in Nursing practice (5th ed) Upper Saddle River, N.J.: Pearson Education.
Pender, N. J., Bar-Or, O., Wilk, B., & Mitchell, S. (2002). Self-efficacy and perceived exertion of girls during exercise. Nursing Research, 51, 86-91.
Zhou, F., Yu, T., Du, R., Fan, G., Liu, Z., Liu, Y., ...Cao, B. (2020). Clinical course and risk factors for mortality of adult inpatients with COVID-19 in Wuhan, China: a retrospective cohort study. Lancet, 395, 1054–1062.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น