ความรอบรู้การดูแลสุขภาพตนเองผ่านสื่อออนไลน์ของนักศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
ความรอบรู้, การดูแลสุขภาพตนเอง, สื่อออนไลน์, นักศึกษา, วิทยาศาสตร์สุขภาพบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรอบรู้การดูแลสุขภาพตนเองโดยผ่านสื่อออนไลน์ของนักศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เลือกกลุ่มตัวอย่างโดย การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) จำนวน 324 คน ผ่านการพิทักษ์สิทธิ์โดยการชี้แจงวัตถุประสงค์ของการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างอย่างเหมาะสม รวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานค่าความตรงของเนื้อหา และค่าความเชื่อมั่นเท่ากัน 0.89 และ 0.91 ตามลำดับและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ความถี่ ร้อยละ และ Pearson correlation coefficient.
ผลการวิจัยพบว่านักศึกษาเคยใช้ตัวอย่างสื่อออนไลน์ในการดูแลสุขภาพมากสุดถึง ร้อยละ 87.6 ความรอบรู้ในการดูแลตนเองของนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 74.70 ความรอบรู้ด้านพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองผ่านสื่อออนไลน์ของนักศึกษา อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 50.00 และความรอบรู้การดูแลตนเองของนักศึกษามีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของนักศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .001 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ .651
สรุปนักศึกษาสาธารณสุขศาสตร์สามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพตนเองจากการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์และปรับใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตนเอง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจการเรียนรู้ด้วยตนเอง
อื่นๆได้
เอกสารอ้างอิง
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต.(2567). ภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้ . สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2567 จาก https://ch9airport.com/th/ภัยเงียบ-ที่เกิดขึ้นได้ฝ/สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
มหาวิทยาลัยมหิด.(2563). รายงานสุขภาพคนไทย. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2567 จาก https://www.thaihealthreport.com/th/articles_detail.php?id=82
สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2566). สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2567 จาก https://www.camri.go.th/th/home/infographic/infographic-505
สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย.(2564). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและการส่งเสริมสุขภาพในเด็กวัยเรียน,กรมอนามัย.สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2567 จาก https://dental.anamai.moph.go.th/th/general-of-122/207662
Jalali S, Keshvari M, Soleymani MR. Fitness information-seeking behavior among female university students: A qualitative study. PLoS One. 2020 Aug 17;15(8):e0237735. doi: 10.1371/journal.pone.0237735. PMID: 32804937; PMCID: PMC7430743.
Htay MNN, Parial LL, Tolabing MC, Dadaczynski K, Okan O, Leung AYM, Su TT. Digital health literacy, online information-seeking behaviour, and satisfaction of Covid-19 information among the university students of East and South-East Asia. PLoS One. 2022 Apr 13;17(4):e0266276. doi: 10.1371/journal.pone.0266276. PMID: 35417478; PMCID: PMC9007389.
Korneeva E, Strielkowski W, Krayneva R, Sherstobitova A. Social Health and Psychological Safety of Students Involved in Online Education during the COVID-19 Pandemic. Int J Environ Res Public Health. 2022 Oct 26;19(21):13928. doi: 10.3390/ijerph192113928. PMID: 36360806; PMCID: PMC9655240.
Gazibara T, Cakic M, Cakic J, Grgurevic A, Pekmezovic T. Familiarity with the internet and health apps, and specific topic needs are amongst the factors that influence how online health information is used for health decisions amongst adolescents. Health Info Libr J. 2022 Jun 2. doi: 10.1111/hir.12440. Epub ahead of print. PMID: 35652454.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น