ผลการใช้โปรแกรมชุดช่วยเหลือใส่ใจในการใช้ยาในผู้ป่วยเรื้อรังกลุ่มผู้สูงอายุต่อพฤติกรรมการรับประทานยาโรคเรื้อรัง
คำสำคัญ:
โปรแกรมการช่วยเหลือ, พฤติกรรมการใช้ยา, ผู้ป่วยโรคเรื้อรังบทคัดย่อ
วิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังระหว่างก่อนและหลังใช้โปรแกรมในกลุ่มทดลอง และ เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน โดยการสุ่มอย่างง่าย ได้กลุ่มตัวอย่าง 70 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 35 คน กลุ่มควบคุม 35 คน ระยะเวลาทดลองระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2567 เครื่องมือที่เป็นแบบสอบถามประเมินพฤติกรรมการใช้ยา และโปรแกรมช่วยเหลือใส่ใจในการใช้ยาในผู้ป่วยเรื้อรังกลุ่มผู้สูงอายุ วิเคราะห์ใช้สถิติพรรณนา Chi-square, Fisher exact test, Independent t -test, Wilcoxon Signal Rank test, และ Man Witney u test
ผลการวิจัย พบว่า ผู้สูงอายุในกลุ่มทดลอง มีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการใช้ยาเรื้อรังที่เหมาะสมสูงขึ้น(Mean=110.57 ,SD=5.34)กว่าก่อนทดลอง(Mean=84.34 ,SD=11.24)อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .001 และมีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมกรรมการใช้ยาที่เหมาะสมสูงขึ้นหลังการทดลอง(Mean=110.57 ,SD=5.34)สูงกว่ากลุ่มควบคุม(Mean=82.51, SD=12.18)อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
ฉะนั้น ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในคลินิกและในชุมชนสามารถนำรูปแบบชุดโปรแกรมชุดช่วยเหลือใส่ใจในการใช้ยาต่อพฤติกรรมการรับประทานยาของผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังไปดูแลผู้ป่วยได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลเรื่องการรับประทานยาของผู้ป่วยได้
เอกสารอ้างอิง
ชัยรัตน์ ฉายากุล, และคณะ. (2558). คู่มือการดำเนินงานโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ทิพารัตน์ คงนาวัง. (2556). ผลของการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
นรินทร์ หมื่นแสน, & สุชาดา ไกรพิบุลย์. (2557). การมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุหมู่บ้านทุ่งหลุก อำเภอเชียงดาว เชียงใหม่. วารสารพยาบาลสาร, 41(1), 1–12.
ปิยะดา ยุ่ยฉิม, และคณะ. (2561). ผลโปรแกรมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการจัดการปัญหาการใช้ยาต่อพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในชุมชน. วารสารสาธารณสุข, 48(1), 44–56.
เปลื้อง ณ นคร. (2542). พจนานุกรม. สืบค้นจาก https://digital.library.tu.ac.th/tu.du/creator/person.dc
สมาคมโรคความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2562). แนวทางการดำเนินงานโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป. กรุงเทพฯ. สืบค้นจาก https://www.thaihypertension.org
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช. (2567). รายงานประจำปี 2566. กระทรวงสาธารณสุข.
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2554). การประชุมการพัฒนาศักยภาพ Case Manager เพื่อนำสู่การพัฒนาระบบบริการโรคเรื้อรังในหน่วยบริการ; 3 พฤษภาคม 2554. สืบค้นจาก https://des.moph.go.th/uploads2554
สุภาพร เพ็ชรอาวุธ, และคณะ. (2558). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาล, 29(4), 18–26.
Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A. G., & Buchner, A. (2007). G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior Research Methods, 39(2), 175–191. https://doi.org/10.3758/BF03193146
Sebern, M. (2005). Shared Care elder and family member skills used to manage burden. Journal of Advanced Nursing, 52(2), 170–179. https://doi.org/10.1111/j.1365-2648.2005.03577.x
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น