ปัจจัยที่มีผลต่ออาการบาดเจ็บบริเวณคอ บ่า ไหล่ของบุคลากร โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
คำสำคัญ:
อาการบาดเจ็บ คอ บ่า ไหล่, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุงบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่ออาการบาดเจ็บบริเวณคอ บ่า ไหล่ ของบุคลากรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบอย่าง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 250 คน ดำเนินการเก็บข้อมูลระหว่างเดือน ตุลาคม - พฤศจิกายน 2566 วิเคราะห์ข้อมูลโดย ใช้ด้วยสถิติถดถอยโลจิสติก อย่างง่าย (Simple Logistic Regression Analysis) และพิจารณาตัวแปรที่มีค่า p-value ของ Wald’s test น้อยกว่า 0.25 เข้าสมการวิเคราะห์ด้วยสถิติถดถอยโลจิสติกพหุตัวแปร (Multiple Logistic Regression Analysis)
ผลการศึกษา พบว่า บุคคลากรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุงส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 21-30 ปี ร้อยละ 40.6 ไม่มีโรคประจำตัวร้อยละ 80.1 ออกกำลังกาย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ร้อยละ 48.6 ผลการวิเคราะห์ถดถอยพบว่า เพศหญิง (ORadj=3.82, 95%CI: 2.02-7.24) , อายุ 41-50 ปี (ORadj =2.20, 95%CI: 1.20-4.16), การมีโรคประจำตัว (ORadj=3.66, 95%CI: 4.41-9.43), ลักษณะที่มีการเอียงหรือหมุนตัวผิดท่าทาง (ORadj=2.84, 95%CI: 1.30-6.19) และพื้นที่การทำงานไม่เพียงพอในการปฏิบัติงาน (ORadj =3.97, 95%CI: 1.39-11.30)
ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่ออาการบาดเจ็บบริเวณคอ บ่า ไหล่ ของบุคลากรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี คือ ปัจจัยส่วนเพศ อายุ การมีโรคประจำตัว มีการเอียงหรือหมุนตัวผิดท่าทาง และพื้นที่การทำงานไม่เพียงพอในการปฏิบัติงานงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า บุคคลากร รพร.บ้านดุง ควรได้รับคำแนะนำและออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรงอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการบาดเจ็บบริเวณ คอ บ่า ไหล่ และ การปรับเปลี่ยนท่าทางการทำงาน สถานที่ ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
เอกสารอ้างอิง
กมลชนก ป้อมสันเทียะ. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อของผู้ประกอบอาชีพประมงในท่าเทียบเรือสะพานปลาอ่างศิลา จังหวัดชลบุรี. ใน สารสารการประชุมวิชาการการยศาสตร์แห่งชาติ (15–17 ธันวาคม 2559, น. 79–90).
จิตตาภรณ์ มงคลแก่นทราย. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในบุคลากรสำนักงานมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 28(1), 38–44.
ชยนุช ไชรัตนะ. (2558). หลักการยศาสตร์และงานนวัตกรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการทำงานของพยาบาล. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ, 38(3), 147–155.
เนตรชนก เจริญสุข. (2556). การยืนและนั่งตามหลักการยศาสตร์. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, 7(1), 11–15.
ไพรัช พร้อมไกรนิตย์. (2562). ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการปวดไหล่ของครูโรงเรียนมัธยมศึกษา: กรณีศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์. วารสารการแพทย์ธรรมศาสตร์, 19(1), 133–142.
ปีติ พูนไชยศรี, และคณะ. (2555). แบบฝึกปฏิบัติชุดวิชาการยศาสตร์ Ergonomics 54109 หน่วยที่ 1–15 (พิมพ์ครั้งที่ 4). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
มยุรี พิทักษ์ศิลป์. (2560). อาการปวดตึงคอ ภาวะสุขภาพ และผลกระทบจากอาการปวดของบุคลากรมหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา, 12(2), 97–107.
วัลภา ไตรทิพย์. (2564). ประสิทธิผลของการรักษาด้วยการออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอต่อดัชนีความบกพร่องของคอ อาการปวดสะบัก และองศาการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังส่วนคอในผู้ป่วยปวดคอร้าวลงสะบัก. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 36(2), 437–447.
สุนิสา ชายเกลี้ยง. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปวดคอ ไหล่ และหลังของทันตบุคลากรในโรงพยาบาลของรัฐ จังหวัดขอนแก่น. วารสารสาธารณสุขศาสตร์, 46(1), 43–55.
สุวินันท์ ทวีพิริยะจินดา. (2558). ท่าทางการทำงานที่เป็นอันตรายและความชุกของอาการผิดปกติทางระบบกล้ามเนื้อและโครงร่างที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงานในคนงานโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์. วารสารวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น, 15(2), 80–88.
อนุวัฒน์ อัคคีสุวรรณ์. (2560). ความชุกและปัจจัยเสี่ยงทางการยศาสตร์ที่สัมพันธ์กับอาการทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในกลุ่มคนตัดปาล์ม ตำบลสินปุน อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์].
อิสรีย์รัช สืบศรี. (2556). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการบาดเจ็บโครงร่างและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงานในผู้ประกอบอาชีพผลิตธูป. พยาบาลสาร, 40, 108–119.
Baberi, F., Jahandideh, Z., Akbari, M., Shakerian, M., & Choobineh, A. (2019). Relationship between personality type and musculoskeletal disorders among office staff. La Medicina del Lavoro, 110(4), 293–303. https://doi.org/10.23749/mdl.v110i4.7820
Buckle, P. W., & Jason, D. J. (2002). The nature of work-related neck and upper limb musculoskeletal disorders. Applied Ergonomics, 33(3), 207–217.
Chaiklieng, S., & Suggaravetsiri, P. (2012). Risk factors for repetitive strain injuries among school teachers in Thailand. Work, 41(Suppl. 1), 2510–2515. https://doi.org/10.3233/WOR-2012-0491-2510
Haukka, E., Leino-Arjas, P., Solovieva, S., Ranta, R., Viikari-Juntura, E., & Riihimäki, H. (2006). Co-occurrence of musculoskeletal pain among female kitchen workers. International Archives of Occupational and Environmental Health, 80(2), 141–148. https://doi.org/10.1007/s00420-006-0113-8
Kokane, S., & Tiwari, R. R. (2011). Occupational health problems of highway restaurant workers of Pune, India. Toxicology and Industrial Health, 27(10), 945–948. https://doi.org/10.1177/0748233711399322
Merlino, L. A., Rosecrance, J. C., Anton, D., & Cook, T. M. (2003). Symptoms of musculoskeletal disorders among apprentice construction workers. Applied Occupational and Environmental Hygiene, 18(1), 57–64. https://doi.org/10.1080/10473220301391
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น