ผลลัพธ์การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเมลิออยโดสีสในกระแสเลือดในระยะเวลา 5 ปี
คำสำคัญ:
ติดเชื้อในกระแสเลือด เมลิออยโดสีส, ผลลัพธ์การรักษา, อัตราการเสียชีวิตบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: เมลิออยโดสีสเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ Burkholderia pseudomallei ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในประเทศเขตร้อนเช่นประเทศไทย และมีอัตราการเสียชีวิตสูง วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลลัพธ์การรักษาผู้ป่วย, อาการ, อาการแสดง และปัจจัยที่ส่งผลต่อการรักษาที่ไม่ดี และการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสีสกลุ่มที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดและได้รับการรักษาในโรงพยาบาลสงขลา วิธีการ: เป็นการศึกษาแบบย้อนหลังโดยการเก็บข้อมูลทางคลินิกของผู้ป่วยเมลิออยโดสีสกลุ่มที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดและได้รับการรักษาในโรงพยาบาลสงขลาตั้งแต่เดือน มกราคม พ.ศ. 2558 ถึง เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2562 ผล: มีผู้ป่วยเมลิออยโดสีสที่พบเชื้อในกระแสเลือดจำนวน 81 ราย อายุ 22-88 ปี เฉลี่ย 53.27 ± 14.51 ปี ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอย่างน้อย 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 84 มีผู้ป่วย 50 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 61.7 เป็นผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลชุมชน การติดเชื้อในปอดพบได้บ่อยที่สุดคิดเป็นร้อยละ 38 และมีการติดเชื้อมากกว่า 1 ตำแหน่งคิดเป็นร้อยละ 17.3 การติดเชื้อเมลิออยในกระแสเลือดโดยไม่พบแหล่งการติดเชื้ออื่นคิดเป็นร้อยละ 37 ค่าเฉลี่ยของเกณฑ์การประเมินอวัยวะล้มเหลวเนื่องจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (SOFA score) อยู่ที่ 4 (0, 9) ผลลัพธ์การรักษาไม่ดีคิดเป็นร้อยละ 43.2 ซึ่งประกอบด้วยอัตราการเสียชีวิตในโรงพยาบาลร้อยละ 32.1 และการปฏิเสธการรักษาเพื่อดูแลในรูปแบบประคับประคองร้อยละ 11.1.จากการวิเคราะห์ข้อมูลแบบตัวแปรเดียวพบว่ามี 4 ปัจจัยที่พบในกลุ่มผู้ป่วยเมลิออยโดสีสที่มีผลการรักษาไม่ดีแตกต่างจากกลุ่มผู้ป่วยที่รอดชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะซ็อคจากการติดเชื้อในกระแสเลือดซึ่งคิดเป็นร้อยละ 68.6 เปรียบเทียบกับร้อยละ 28.3, ภาวะระบบการหายใจล้มเหลวคิดเป็นร้อยละ 80.0 เปรียบเทียบกับร้อยละ 34.8, ภาวะลิ่มเลือดแพร่กระจายในหลอดเลือด คิดเป็นร้อยละ 20 เปรียบเทียบกับร้อยละ 4.3 และการมีค่าของเกณฑ์การประเมินอวัยวะล้มเหลวเนื่องจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดสูงโดยมีคะแนน 8 เปรียบเทียบกับคะแนน 1.5 ในกลุ่มผู้ป่วยที่รอดชีวิต แต่ไม่พบความสัมพันธ์ดังกล่าว เมื่อได้วิเคราะห์ข้อมูลแบบหลายตัวแปร จึงไม่สามารถแสดงให้เห็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตที่มีนัยสำคัญทางสถิติได้ สรุป: โรคเมลิออยโดสีสที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วยมีผลการรักษาที่ไม่ดีและมีอัตราการเสียชีวิตที่สูง ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตภายใน 72 ชั่วโมงหลังเข้ารับการรักษา ภาวะช็อคจากการติดเชื้อ ภาวะระบบหายใจล้มเหลว, ภาวะลิ่มเลือดแพร่กระจายในหลอดเลือดและการมีค่าของเกณฑ์การประเมินอวัยวะล้มเหลวเนื่องจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดสูง อาจเป็นปัจจัยที่สัมพันธ์กับผลลัพธ์การรักษาที่ไม่ดี
เอกสารอ้างอิง
Chakravorty A, Heath CH. Melioidosis: An updated review. AustJ Gen Pract. 2019; 48:327-332.
Currie BJ, Ward L, Cheng AC. The epidemiology and clinicalspectrum of melioidosis: 540 cases from the 20 year Darwinprospective study. PLoS Negl Trop Dis. 2010; 4
Dance D. Treatment and prophylaxis of melioidosis. Int JAntimicrob Agents. 2014; 43:310-8
Churuangsuk C, Chusri S, Hortiwakul T, Charernmak B,Silpapojakul K. Characteristics, clinical outcomes and factorsinfluencing mortality of patients with melioidosis in southernThailand: A 10-year retrospective study. Asian Pac J Trop Med.2016; 9: 256-60.
Jatapai A, Gregory CJ, Thamthitiwat S, Tanwisaid K, Bhengsri S,Baggett HC, et al. Hospitalized Bacteremic Melioidosis in RuralThailand: 2009-2013. Am J Trop Med Hyg. 2018; 98:1585-91.
Simpson AJ, Suputtamongkol Y, Smith MD, Angus BJ,Rajanuwong A, Wuthiekanun V, et al. Comparison of imipenemand ceftazidime as therapy for severe melioidosis. Clin InfectDis. 1999; 29:381-7.
Van Heuverswyn J, Valik JK, van der Werff SD, Hedberg P, Giske C,Nauclér P. Association between time to appropriate antimicrobialtreatment and 30-day mortality in patients with bloodstreaminfections: a retrospective cohort study. Clin Infect Dis. 2022
Lee CC, Lee CH, Hong MY, Tang HJ, Ko WC. Timing of appropriateempirical antimicrobial administration and outcome of adultswith community-onset bacteremia. Crit Care. 2017; 21:119.
Evans L, Rhodes A, Alhazzani W, Antonelli M, CoopersmithCM, French C, et al. Surviving sepsis campaign: internationalguidelines for management of sepsis and septic shock 2021.Intensive Care Med. 2021; 47:1181-1247.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์