การพัฒนาระบบรายงานความคลาดเคลื่อนทางยาในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ
คำสำคัญ:
Medication errorบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.)พัฒนาระบบรายงานและเพิ่มจำนวนรายงานการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาใน รพ.สต. 2) เพื่อประเมินผลและวิเคราะห์หารากสาเหตุการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาใน รพ.สต. วิธีดำเนินการวิจัย: เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง ( Quasi-experimental research) โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การทดสอบวัดความรู้เจ้าหน้าที่ รพ.สต. จำนวน 21 คน ก่อนและหลังการให้ Intervention ระยะที่ 2 พัฒนาระบบรายงานความความเคลื่อนทางยาและเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา แจกแจงความถี่ ร้อยละ เปรียบเทียบการรายงานข้อมูลจำนวน และอัตราของความคลาดเคลื่อนทางยาก่อนและหลังการพัฒนาระบบรายงาน การเปรียบเทียบข้อมูลการทดสอบวัดความรู้กลุ่มตัวอย่าง ก่อนและหลังการการให้ Intervention ใช้สถิติ Paired t-test กำหนดนัยสำคัญที่ P<0.05 การวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงคุณภาพใช้แผนผังก้างปลาเพื่อวิเคราะห์ หา Root Cause Analysis ผลการวิจัย:ผลการทดสอบวัดความรู้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 21 คน พบว่าหลังการให้ความรู้ คะแนนความรู้ของกลุ่มตัวอย่างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (10.81±2.84 vs.13.71±1.35, P<0.001) โดยเพิ่มจากระดับดี เป็นระดับดีมาก หลังพัฒนาระบบรายงาน พบว่ามีจำนวนรายงานความความคลาดเคลื่อนทางยา78 ครั้ง คิดเป็นอัตรา 1.4 ครั้ง/100 ใบสั่งยา การรายงานข้อมูลเพิ่มขึ้น 4.7 เท่า โดยพบรายงาน Pre-dispensing error มากที่สุด 52 ครั้ง คิดเป็นอัตรา 0.9 ครั้ง/100 ใบสั่งยา เมื่อทำ Root Cause Analysis พบว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของความคลาดเคลื่อนเกิดจาก การไม่ได้ตรวจสอบซ้ำ สรุปและข้อเสนอแนะ: การพัฒนาระบบรายงานความคลาดเคลื่อนทางยาใน รพ.สต. ทำให้มีการรายงานข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยาเพิ่มมากขึ้น สามารถนำข้อมูลมาทำ Root Cause Analysis ได้ ทั้งนี้ควรมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเชิงระบบ มีการนำความเสี่ยงมาทบทวนอย่างสม่ำเสมอ
คำสำคัญ :ความคลาดเคลื่อนทางยา , เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ,การวิเคราะห์รากสาเหตุ
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของชมรมเภสัชสาธารณสุขแห่งประเทศไทย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับชมรมเภสัชสาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย และบุคลากรท่านอื่นๆในสำนักงานฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว