ผลของกิจกรรมการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพด้วยปิงปองจราจรชีวิต 7 สี ต่อความรู้และภาวะสุขภาพ สำหรับกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน

ผู้แต่ง

  • วรนาถ พรหมศวร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • กรกนก บุญประถัมภ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • ชัชฎาพร จันทรสุข วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • นิสากร เห็มชนาน วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • วิมลรัตน์ ชูโฉมงาม สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี บ้านรุน อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
  • อดิศักดิ์ แสงเมือง วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก

คำสำคัญ:

โรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, พฤติกรรมการดูแลตนเอง, ปิงปองจราจรชีวิต 7 สี

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความรู้ ระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ก่อนและหลังการเข้าร่วมการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพด้วยมือปิงปองจราจรชีวิต 7 สี  กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้มีระดับความดันโลหิตและเบาหวานอยู่ในเกณฑ์สีเขียวอ่อนขึ้นไป ในพื้นที่ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 60 ราย  เก็บรวมรวมข้อมูลระหว่างเดือน มกราคม ถึง มีนาคม 2568  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตามแนวทางปิงปองจราจรชีวิต 7 สี  และกิจกรรมการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพด้วยปิงปองจราจรชีวิต 7 สี วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ Paired t-test
ผลการวิจัย พบว่า หลังการเข้าร่วมกิจกรรมฯ กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ในการดูแลสุขภาพหลังเข้าร่วมกิจกรรม (8.6 ± 1.8 คะแนน) สูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม (7.8 ± 1.3 คะแนน) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) ภาวะสุขภาพ พบว่าค่าเฉลี่ยระดับความดันโลหิตหลังเข้าร่วมกิจกรรม (125.82 ± 18.69 mmHg/ 82.63 ± 7.18 mmHg) ต่ำกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม (137.63 ± 16.48 mmHg/ 84.62 ± 7.80 mmHg) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05)  และระดับน้ำตาลในเลือดหลังเข้าร่วมกิจกรรม (109.06 ± 17.83 mg/dL) น้อยกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม (118.10 ± 17.41 mg/dL) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพด้วยปิงปองจราจรชีวิต 7 สี ส่งผลดีต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและภาวะสุขภาพของผู้ป่วย

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. Ncd-mortality [Internet]. 2025 [cited 2024 October 24]. Available from: https://www.who.int/data/gho/data/themes/topics/topic-details/GHO/ncd-mortality.

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. จำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อในประเทศไทย [อินเทอร์เน็ต]. 2565. [เข้าถึงเมื่อ 2 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงจาก: https://www.statista.com/statistics/1309661/thailand-number-of-patients-with-non-communicable-diseases-by-type/.

United Nations. Prevention and control of noncommunicable diseases in Thailand–the case for investment [Internet]. 2021 [cited 2024 oct 2]. Available from: https://thailand.un.org/en/1 5 9 7 8 8-prevention-and-control-noncommunicable-diseases-thailand-case-investment

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. รายงานการพัฒนาคุณภาพบริการในผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (VDO Clip) "การให้ความรู้และสร้างทักษะเพื่อการดูแลโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงด้วยตนเอง" [อินเตอร์เน็ต]. 2564. [เข้าถึงเมื่อ 2 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงจาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1188820211015084413.pdf.

Buford TW. Hypertension and aging. Ageing Res Rev 2016; 26: 96–111.

Potempa K, Rajataramya B, Singha-Dong N, Furspan P, Kahle E. Stephenson R. Thailand’s challenges of achieving health equity in the era of non-communicable disease. Pacific Rim Int J Nurs Res 2022; 26(2): 187–197.

วิชัย เทียนถาวร. ระบบการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงในประเทศไทย: นโยบายสู่การปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่่ 3. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2556.

อัศนี วันชัย, จิตติพร ศรีษะเกตุ, วิชัย เทียนถาวร . การประยุกต์ใช้ปิงปองจราจรชีวิต 7 สีในการเฝ้าระวังโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง: การทบทวนขอบเขตงานวิจัย. วารสารวิจัยการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพ.2566; 15(2): e267915

สมคิด จูหว้า, รุ่ง วงศ์วัฒน์, อนุกูล มะโนทน. ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและเครื่องมือ “ปิงปองจราจรชีวิต 7 สี” ต่อความรู้ การรับรู้ตามทฤษฎีความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมระดับความรุนแรงของโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ 2562; 39(2); 127-141.

Cohen J. Statistical power analysis for the behavioral sciences (2nd ed.). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates; 1988.

Charan J, Biswas T. How to calculate sample size for different study designs in medical research?. Indian J Psychol Med 2013; 35(2): 121–126.

นสหชม เอโหย่, วิภาพร สิทธิสาตร์, สุรีรัตน์ ณ วิเชียร. ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพตามแนวคิด สบช โมเดล ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ตำบลสมอแข อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี 2565: 5(2); 129–139.

อติญาณ์ ศรเกษตริน, จินตนา ทองเพชร, จุไรรัตน์ ดวงจันทร์, นงณภัทร รุ่งเนย. ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับการสนับสนุนการจัดการตนเอง ต่อพฤติกรรมการจัดการตนเอง และผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร่วมกับความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2566; 32(2): 299-311.

สิรีวัฒน์ อายุวัฒน์, อภิเชษฐ์ พูลทรัพย์, นิดา มีทิพย์. การคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานในประชาชน เขต อ.เมือง จ.พิษณุโลก. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ 2560; 4(ฉบับพิเศษ): S131-S146.

วรารัตน์ ทิพย์รัตน์, กนกพรรณ พรหมทอง, มนตรี รักภักดี, กัญญภา มุสิกะชะนะ. การพัฒนาแนวทางการเสริมสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพและการมีส่วนร่วมของครอบครัว ในการจัดการระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ จังหวัดตรัง. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9: วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม 2566; 17(1): 237-254.

เอกพล เหมรา, ธิดา เหมือนพะวงศ์. การพัฒนาแนวทางการติดตามพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรัง ในชีวิตวิถีใหม่ ภายใต้สถานการณ์โรคโควิด-19 อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล. วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม 2565; 2(1): 50-66.

พัชรินทร์ เชื่อมทอง. ผลของโปรแกรมการสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและระดับน้ำตาลสะสมในเลือด ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 รายใหม่. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ 2563; 43(1): 78-86.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

23-06-2025

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย