ถอดบทเรียนรูปแบบการปรับตัวการจัดบริการสำหรับป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ ในสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดบึงกาฬ
คำสำคัญ:
รูปแบบการปรับตัว, โรคไม่ติดต่อ, การระบาดของโรคโควิด-19บทคัดย่อ
โรคไม่ติดต่อเป็นปัญหาของเขตสุขภาพที่ 8 ข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2562-2564) พบอัตราป่วยรายใหม่ด้วยเบาหวาน 525.28, 580.10, 451.42 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ และความดันโลหิตสูง 992.66, 1035.80, 883.14 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาล/ความดันโลหิตได้ การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการจัดบริการ เช่น ลดจำนวนวันให้บริการ บุคลากรไปช่วยงานควบคุมโควิด-19 ทำให้ผลลัพธ์การดำเนินงานโรคไม่ติดต่อมีแนวโน้มลดลง งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการจัดบริการสำหรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อในช่วงการระบาดของโควิด-19 และปัจจัยที่มีผลต่อนวัตกรรมการจัดบริการเพื่อประเมินความยั่งยืน ใช้วิธีศึกษาเชิงพรรณนา เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 2 ก.ค.- 26 ต.ค. 2564 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารและผู้รับผิดชอบงานโรคไม่ติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ, โรงพยาบาลบึงกาฬ, โรงพยาบาลบึงโขงหลง, ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง และศูนย์สุขภาพชุมชนบึงโขงหลง จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นคำถามแบบกึ่งมีโครงสร้าง รวบรวมข้อมูลสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดบริการมีนวัตกรรมพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยโรคไม่ติดต่อ ปัจจัยที่มีผลต่อนวัตกรรม คือ ผู้นำบูรณาการเชื่อมผสานระบบสุขภาพ การสนับสนุนงบประมาณ บุคลากร และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยปฏิบัติงาน ทั้งนี้ควรขยายผลนวัตกรรมให้ประชาชนสามารถใช้โปรแกรมติดตามสุขภาพ (Application) ด้วยตนเองให้มากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กองโรคไม่ติดต่อ. รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2562. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2563.
กรมควบคุมโรค. สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาตรการสาธารณสุขและปัญหาอุปสรรคการป้องกันควบคุมโรคในผู้เดินทาง [อินเตอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 2564 สิงหาคม 28]. เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th/uploads/files/2017420210820025238.pdf.
ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฎ์, นัตยา ตั้งศิริกุล. รายงานวิจัย: ผลกระทบและการปรับตัวของนโยบายและระบบบริการสุขภาพ (ภาครัฐและเอกชน) สำหรับโรคไม่ติดต่อ ระหว่างช่วงการระบาดของ COVID-19 รอบแรกและรอบสอง. กรมควบคุมโรค; 2564.
วิเชียร เทียนจารุวัฒนา, กิตติพร เนาว์สุวรรณ, สายสมร วชิระประพันธ์. แนวทางการพัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คุณภาพเพื่อสนับสนุนกำลังคน ด้านสาธารณสุขสำหรับระบบสุขภาพในอนาคต. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2564;30(2):353-366.
สมพร พูลพงษ์. การประยุกต์ใช้โปรแกรมไลน์เพื่อการมอบหมายงานสำหรับกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข
ประจำหมู่บ้าน. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2562;14(3):138-146.
Komnanton T, Bodeerat C. Performance of Village Health Volunteers in Song District, Phrae Province. Journal of Modern Learning Development. 2564;6(3):237-249.
อรพรรณ คงมาลัย, วสันต์ ใจวงศ์. การยอมรับและการนำระบบโทรเวชกรรมเข้าไปใช้กับกระบวนการสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล กรณีศึกษา : รพร.เชียงของ จังหวัดเชียงราย. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. 2560;40(4):641-650.
เริงฤทธิ์ พลเหลือ. ปัจจัยความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้งานแอพพลิเคชั่นปรึกษาแพทย์. [การค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ; 2564.
ธนพร ทองจูด. การศึกษาปัจจัยของการตรวจรักษาด้วยโทรเวชกรรมที่มีผลต่อทัศนคติและความตั้งใจ เลือกใช้บริการโทรเวชกรรมของผ้รับบริการของโรงพยาบาลรามาธิบดี. [สารนิพนธ์ปริญญาการจัดการมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2564.
ณิชาพร ศรีนวล. การพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองด้านนวัตกรรมสุขภาพเพื่อ เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน. [วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2560.
เกศรินทร์ ไหลงาม, สิตานนท์ เจษฎาพิพัฒน์. นวัตกรรมระบบสุขภาพระดับอำเภอ บริการสุขภาพระดับอำเภอ จังหวัดชัยนาท. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2561;13(2):108-115.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็น
ลิขสิทธิ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา
