คุณภาพชีวิตการทำงานที่มีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์การ ของบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลถลาง จังหวัดภูเก็ต
คำสำคัญ:
คุณภาพชีวิตการทำงาน, ความผูกพันต่อองค์กรบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานที่มีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลถลาง จังหวัดภูเก็ต กลุ่มประชากรคือบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลถลาง จังหวัดภูเก็ต จำนวน 295 ราย โดยใช้สูตรการคำนวณกลุ่มตัวอย่างที่ทราบจำนวนประชากรที่แน่นอนของ Daniel ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 201 ราย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลคือ แบบสอบถามประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 คุณลักษณะส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 คุณภาพชีวิติการทำงาน ส่วนที่ 3 ความผูกพันต่อองค์การ การตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน และนำไปทดลองใช้เพื่อวิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่าครอนบาค เท่ากับ 0.96 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า ด้านคุณภาพชีวิติการทำงานประกอบด้วย รายได้และผลประโยชน์ตอบแทน สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ การพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน ความก้าวหน้าและความมั่นคงในงาน สังคมสัมพันธ์ ธรรมนูญในองค์การ ภาวะอิสระจากงาน และความภูมิใจในองค์การ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง (X =2.24, S.D.=0.46) สำหรับด้านความผูกพันต่อองค์การ ประกอบด้วย ความเชื่อมั่นในการยอมรับเป้าหมายค่านิยมขององค์การ ความเต็มใจที่จะทุ่มเทความพยายามเพื่อองค์การ และความปรารถนาที่จะรักษาไว้ซึ่งความเป็นสมาชิกภาพในองค์การ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง (X =2.53, S.D.=0.51) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่า คุณภาพชีวิตการทำงานมีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลถลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.513, P-value<0.001)
เอกสารอ้างอิง
2. Office of the Civil Service Commission. (2010). Strengthening for Quality of Working Life Better and New Current of Human Resource Management . Bangkok: Airborne Print Co. Ltd.
3. Phuket Provincial Public Health Office. (2015). Documentation of 1st Inspection and Supervision for Normal Cycle in Fiscal Year 2015 Report. Retrieved January 15, 2016. Cited from Website: http://www.pkto.moph.go.th/
4. Thalang hospital. (2016). A Survey of Employees Fiscal Years 2016.
5. Huse, E.F., Cumming, T.G. (1985). Organizational development and change Minneapolis. West Publishing.
6. Steers, R.M., Porter, L.W. (1991). Motiation and Work Behavior. 5th ed. New York: MaGraw Hill.
7. Daniel W.W. (201). Biostatistics: Basic Concepts and Methodology for the Health Sciences. (9th ed). New York: John Wiley & Sons.
8. Best, John W. (1977). Research is Evaluation. (3rd ed). Englewood cliffs: N.J. Prentice Hall.
9. Hackman¸J.R., Suttle, L.J. (1977). Improving Life at Work. Behavior Science Approach to Organizational Change. Santa Monica, Calif: Goodyear Publishing.
10. Schuler, R.S., Beutell, N.J. & Youngblook, S.A. (1989). Effective Personal Management. (3rded.). Minnesota: Minnesota Nest Publishing.
11. Nuchira Tasu. (2009). The Relationship Between Quality of Work Life and Organizational Commitment of the Officers of Office the Permanent Secretary for Agricultural and Cooperatives. Thesis of Master of Public and Private Management, Graduate School, Silpakorn University.
12. Rungnapha Seeta. (2011). The Relationship Between the Perception of Organizational Justice and Organizational Commitment of the Government Office of Women’s Affairs And Family Ministry of Social Development and Human Security. Independent Study of Master of Public Administration Program in Public Administration Program of Public Administration. Graduate School. Silpakorn University.
13. Parvar, M.R.F., Allameh, S.M. & Ansari, R. (2013). Effect to Quality of Work Life on Organizational Commitment by SEM (Case Study: OICO Company). International Journal of Academic Research in Business and Social Sciences. 3(10):135.
14. Radja, J. Tawe, A., Rijal, S. & Tiro, M.a. (2013). Effect Quality of Work and Organizational Commitment toward Work Satisfaction in Increasing Public Service Performance (A Study of License of Founding Building Service in Makassar City). Public Policy and Administration Research. 3(12)
