ศักยภาพของค่ายมวยไทยในการใช้มวยไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาศักยภาพของค่ายมวยไทยในการใช้มวยไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคของค่ายมวยไทย ในการใช้มวยไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในครั้งนี้ เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเรียนมวยไทยในทุกภูมิภาคของประเทศไทย จำนวน 449 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามศักยภาพของค่ายมวยไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว คำนวณค่าความเชื่อมั่นด้วยวิธีการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ได้ค่าความเชื่อมั่น .91 และแบบสัมภาษณ์หัวหน้าค่ายมวยไทย จำนวน 20 คน ผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่า ศักยภาพของค่ายมวยไทยสำหรับสอนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( =4.18) รายด้านพบว่า ศักยภาพสูงสุด ได้แก่ ด้านคุณค่า ชื่อเสียง และสิ่งดึงดูดใจของมวยไทย (
=4.28) รองลงไป ได้แก่ ด้านการตลาด (
=4.21) ด้านการบริหารจัดการ (
=4.18) ด้านความสะดวกในการเข้าถึง (
=4.17) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายภาคพบว่า ทุกภาคมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยค่ายมวยไทยในกรุงเทพฯ มีความแตกต่างกับภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และภาคตะวันออกแตกต่างจากภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัยเชิงคุณภาพพบว่า ปัจจัยการผลิตด้านเสน่ห์ของมวยไทยเป็นสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ค่ายมวยมีอุปทานสำหรับรองรับนักท่องเที่ยว มีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจค่ายมวยต่างกัน รวมทั้งมีปัจจัยเกื้อหนุนด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องรองรับการตลาดของธุรกิจค่ายมวย และหน่วยงานของภาครัฐยังขาดการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้มวยไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนใหญ่อุปสรรคที่พบ ได้แก่ 1) การต่ออายุหนังสือตราพำนักในประเทศไทยเพื่ออยู่เรียนมวยไทย 2) ปัญหาผู้ฝึกมวยอยู่สอนไม่นาน 3) ปัญหาด้านพื้นที่ที่มีจำกัด และ 4) ปัญหาเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Abolfazl, A., Namin, T. & Niknam, K. (2012). Sports tourism and new opportunities in developing countries: A case study of sport tourism in the province of Ardebil. Management Science Letters, 2(2012), 895–902.
Chanchai Yomdit, Baramee Choochai, Rungnapa Singsatit, Nattakon Sukserm, and Kawitapaht Mongkamnum. (2017). Subproject one Thailand’s Tourism Strategy in using Muaythai to Promote Tourism among Foreign Tourist. Ratchaburi: Muban Chombueng Rajabhat University.
Dittachai Chankuna. (2018). Confirmatory factor analysis of effective fitness centers in Bangkok Metropolitan Region. Journal of Academic Journal Institute of Physical Education, 10(1), 65-76.
Gammon, S. & Robinson, T. (2003). Sport and tourism: A conceptual framework. Journal of Sport & Tourism, 8(1), 21-26.
Kingkanok Saowapawong, Rattana Panriansaen, and Sombat Kamjanakit. (2018). A Development model of Thailand to become the health tourism centre of Asia. Journal Academic Institute of Physical Education, 10(1), 191- 200.
Komsit Kieanwatana, Suchitra Sukonthasab, and Wipavadee Leemingsawat. (2018). Situations, needs and trends of health tourism model In Thailand. Journal Academic Institute of Physical Education, 10(1), 167-177.
Raja Syed Tengku Sulaiman, Wanna Pitaksan, and Kantinut Satiramanus. (2011). Full Research Reports Muay Thai: A Green Season Commercial Innovation on the Andaman Area. Bangkok: The Thailand Research Fund.
Royal Academy. (2013). Royal Institute Dictionary, Thursday 5 February 2011 in honor of His Majesty the King on the occasion of the auspicious ceremonies around December 5, 2011. Bangkok: Sirivatana Interprint.
Techita Chai-on. (2014). Expectations of foreign customers toward quality service of Muaythai camps. (Master’s thesis). Silpakorn University.
Thanh, L., Q. (2017). A study on the status of sport tourism development in Vietnam. Journal of Sports Science, 5(2017), 219-226.
Thanin Slinjaru. (2011). Research and Data Analysis Guide with SPSS. Nonthaburi: NIDA Printing.