โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงของบุคลากรกลุ่มเสี่ยงในสถาบันอุดมศึกษา
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงของบุคลากรกลุ่มเสี่ยงในสถาบันอุดมศึกษา ผู้วิจัยใช้วิธีวิเคราะห์และสังเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรค ความรู้เรื่องโรคและการป้องกันโรคร่วมกับแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ และแนวคิดความรอบรู้ทางสุขภาพ ได้รับการตรวจสอบคุณภาพของโปรแกรมโดยเสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน ศึกษาความสอดคล้องจากการหาค่าดัชนีความสอดคล้องจากแบบประเมิน 3 ชนิด คือ 1) แบบประเมินหาค่าความตรงเชิงเนื้อหาองค์ประกอบของกิจกรรม 2) แบบประเมินหาค่าความตรงเชิงเนื้อหาของกิจกรรม 10 กิจกรรม และ 3) แบบประเมินหาค่าความตรงเชิงเนื้อหาของตารางการจัดโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น และนำมาปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมให้มีความสมบูรณ์
ผลการวิจัย พบว่า องค์ประกอบของโปรแกรมประกอบด้วย ชื่อกิจกรรม วัตถุประสงค์ แนวความคิด ขั้นตอนในการดำเนินกิจกรรม สื่อที่ใช้ และการประเมินผลมีค่าความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 1.00 กิจกรรมในโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมีจำนวน 10 กิจกรรม ได้แก่ 1) สร้างสัมพันธ์ เสริมพลังบวก 2) ความหวัง 3) สุขภาพองค์รวม 4) ทบทวนตนเอง 5) เป้าหมายมีไว้พุ่งชน 6) โยคะคลายเครียด 7) Let’s relax 8) โภชนาการต้องรู้ 9) เมนูที่รัก 10) My Idol มีค่าดัชนีความสอดคล้องเฉลี่ยเท่ากับ 0.88 และค่าดัชนีความสอดคล้องของการจัดกิจกรรมในโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นใช้เวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 1 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 0.87 โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นนี้เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพและมีส่วนช่วยให้บุคลากรกลุ่มเสี่ยงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Department of Disease Control, Ministry of Public Health. (2017). Model of Diabetes Mellitus and Hypertension Prevention Service. Nonthaburi: Argricultural cooperative of Thailand.
Foundation of Thai Gerontology Research and Development Institute. (2014). Thai Eldery 2014. Bangkok: Author.
Health Education Division. (2011). Health Literacy. Nonthaburi: Newthammada Printing.
Jintana Sarayuthpitak. (2010). Intervention activities model development for smoking behaviors change in male adolescent. (Doctoral dissertation). Chulalongkorn University.
Jintana Sarayuthpitak. (2014). School Health Program. Bangkok: Chulalongkorn University.
Keranen A.M. et al. (2009). The effect of eating behavior on weight loss and maintenance during a lifestyle intervention. Preventive Medicine, 49(1), 32-38.
Nongluck Tesana, Jamabhorn Jaipakdee, Boontanakorn Prompukdee and Kanokporn Pinijluek. (2015). Development Model of the Type 2 Diabetes Mellitus Prevention in High Risk Group. Retrieved December, 20, 2017 from https://www.hsri.or.th/ researcher/research/new-release/detail/6235.
Nutbeam D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science & Medicine.
Ratchanee Utasingha. (2014). A model in preventing diabetes type 2 of the groups at risk of developing diabetes in UbonRatchathani Municipality in Muang District of Ubon Ratchathani Province. Journal of Graduate School, Pitchayatat, 9(2), 37-43.
Rimer & Glanz. (2015). Health Behavior and Health Education. (4th ed.). San Francisco: A Wiley Imprint.
Rovinelli, R. J., and Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Tijdschrift voor Onderwijsresearch, 2(2), 49–60.
Siripimol Anchalisangkat. (2010). A study of effects of yoga in treatment of diabetes. Journal of Division of Complementary and Alternative Medicine, 3(3), 36-47.
Soontharee Khampeng and Aorntira Boonpradit. (2013). The effects of using health promotion program and social support among people with hypertension in Donpud District, Saraburi Province, Thailand. Nursing Journal of the Ministry of Public Health, 22(3), 112-123.
Supaporn Wangkawing. (2011). Effects of storytelling on brisk walking behavior, eating behavior, and blood pressure levels of hypertensive patients. (Doctoral dissertation). Burapha University.
WHO. (1998). The World Health Report 1998 Life in the 21st century: A vision for all. Geneva: Author.
WHO. (2013). World Health Statistics 2013. Geneva: Author.
