พัฒนาการและการประเมินการใช้สื่อดิจิทัล การเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความคิดเห็นที่มีต่อการใช้สื่อดิจิทัลการเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพ และเพื่อศึกษาพัฒนาการการใช้สื่อดิจิทัลการเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพโดยการเปรียบเทียบระดับความรู้ทัศนคติ และทักษะลีลาศกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาได้แก่นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย ชั้นที่ 2 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย สื่อดิจิทัล การเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพ และแบบสอบถามความคิดเห็น แบบทดสอบความรู้แบบวัดทัศนคติแบบประเมิน ทักษะลีลาศวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย(Mean)และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การวิเคราะห์สถิติที(paired sample t-test)
ผลการวิจัย1) สื่อดิจิทัลการเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพ ด้านวิดีทัศน์ใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Sony Vegas Pro และการอัพโหลดวิดีโอในอินเตอร์เน็ตผ่าน YouTube ส่วนการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book) ใช้โปรแกรม Flip PDF Professional และเผยแพร่โดยใช้WordPress โดยการประเมินความคิดเห็นที่มีต่อการใช้สื่อดิจิทัลการเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพ พบว่า ทั้งด้านการออกแบบและจัดรูปแบบ และด้านเนื้อหา มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก 2) การเปรียบเทียบความรู้ทัศนคติทักษะลีลาศ ก่อนและหลังการใช้สื่อดิจิทัลการเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05โดยสรุปผลการวิจัยสื่อดิจิทัล การเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพมีความเหมาะสม และการใช้สื่อดิจิทัลการเต้นลีลาศเพื่อสุขภาพ วันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 4 วัน จำนวน 6 สัปดาห์ สามารถพัฒนาความรู้ทัศนคติทักษะลีลาศของนักศึกษาได
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
จันทิมา ฤกษ์เลื่อนฤทธิ์, พรปวีณ์ ชื่นใจเรือง,จิรวรรณ อินคุ้ม, ดวงเดือน รัตนะมงคลกุล,อริสรา สุขวัจนี และเพชรัตน์ รุจิพงศ์. (2557). ผลของการใช้สื่อการสอนออนไลน์และแผนที่ความคิดต่อทัศนคติความสุขและระดับความรู้ในการเรียนวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ของนิสิตพยาบาลมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วารสารคณะพลศึกษา.17(1).183-195.
ธงชัย เจริญทรัพย์มณี. (2542). การลีลาศ: กีฬาเพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
นำพล มากสอน และทับทิมทอง กอบัวแก้ว. (2560). การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสาธิต โดยใช้บทเรียนออนไลน์เรื่องโปรแกรมประมวลผลคำสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารวิชาการการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม. 4(2).17-25.
ภัททิตา โพธิมู. (2553). เอกสารประกอบการสอนวิชา กีฬาเพื่อสุขภาพ (พล 001001). เชียงใหม่: คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่.
วีระโชติ ธรรมาภรณ์. (2554)การสร้างสื่อหนังสือดิจิทอล เรื่อง เทคโนโลยีการพิมพ์.กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
สืบสกุล ชื่นชม รติรส บุญญะฤทธิ์ และมนตรี เลากิตติศักดิ์. (2556). การพัฒนาสื่อดิจิตอลลวดลายผ้าไทยวนสร้างสรรค์ เพื่อการนำไปใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น. เชียงใหม่: คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา.
สุดหล้า เหมือนเดช. (2550). ผลของการออกกำลังกายด้วยการเต้นรำที่มีต่อความสามารถในการใช้ออกซิเจนสูงสุด. ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.
เสาวลักษณ์ ลีลาวงศาโรจน์. (2557). การพัฒนาระบบสนับสนุนการสร้างสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. ถ่ายเอกสาร.
อภิชาติ เหล็กดี. (2559). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์ปัญหาเพื่อพัฒนาชุมชนด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร. วารสารวิชาการการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม. 3(2).8-15.
Fortuna, C. (2015). Digital Media Literacy ina Sports, Popular Culture and Literature Course. Journal of Media Literacy Education. 6(3), 81–89. Retrieved from http://digitalcommons.uri.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1142&context=jmle
Turner, K. H. Jolls, T. Hagerman, M.S. O’Byrne, W. Hicks. T, Eisenstock. B, & PytashK. E. (2017). Developing Digital and Media Literacies in Children and Adolescents. journal of the American Academy of Pediatrics. 140(2), 122-126. Retrieved from http://pediatrics.aappublications.org/content/140/Supplement_2/S122