ความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการ กิจกรรมนันทนาการในสถาบันการพลศึกษา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการ จัดการกิจกรรมนันทนาการในสถาบันการพลศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาสถาบัน การพลศึกษา จํานวน 400 คน ที่ได้มาจากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage sampling) และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการกิจกรรมนันทนาการใน สถาบันการพลศึกษา รวมจํานวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีค่า ความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 0.90 และมีค่าความเที่ยงสัมประสิทธิ์แอลฟา เท่ากับ 0.91 และแบบสัมภาษณ์ กึ่งมีโครงสร้าง นําข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่า “ที” วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว กรณีผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมี นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จะทําการวิเคราะห์เปรียบเทียบเป็นรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ และวิเคราะห์ ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์โดยการวิเคราะห์เนื้อหา นําผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามมาเสนอใน รูปตารางประกอบความเรียง และสรุปผลการสัมภาษณ์ มานําเสนอในรูปความเรียงและรายข้อ
ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความพึงพอใจต่อการจัดการกิจกรรมนันทนาการใน สถาบันการพลศึกษา โดยรวมทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านบุคลากร ( = 3.78) ด้านอุปกรณ์ (
= 3.77) ด้านสถานที่ และสิ่งอํานวยความสะดวก (
= 3.74) ด้านกิจกรรมนันทนาการ (
= 3.87) ด้านการจัดการ (
= 3.80) อยู่ในระดับมากทุกด้าน ผู้ตอบแบบสอบถามชายและหญิงมีระดับความพึงพอใจต่อการจัดการกิจกรรม นันทนาการในสถาบันการพลศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในด้านอุปกรณ์ ผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่มชั้นปีและวิทยาเขต ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คําสําคัญ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กรมพลศึกษา. (2549). การศึกษาสภาพและปัญหาการดําเนินงานกิจการนันทนาการในประเทศไทย. กลุ่มวิจัยและพัฒนา สํานักส่งเสริมและพัฒนานันทนาการ, อัดสําเนา.
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, (2550). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10. ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร.
ชูชีพ เยาวพัฒน์. (2543), นันทนาการ. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
ชัชวาล มาอยู่วัง. (2548). ความคิดเห็นของนักเรียนช่วงชั้นที่ 4 ที่มีต่อการเรียนการสอนวิชาพลศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาเพชรบูรณ์ ปีการศึกษา 2547. ปริญญานิพนธ์, กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
นิภา แก้วศรีงาม. (2540), จิตวิทยาทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : ห.จ.ก.แสงจันทร์การพิมพ์.
พีระพงศ์ บุญศิริ. (2542). นันทนาการและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์,
ศรัณย์ เจียระนัย. (2555), สภาพและความต้องการการจัดกิจกรรมนันทนาการของนักศึกษา สถาบันการพลศึกษา ปริญญานิพนธ์ กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สํานักงานรัฐสภา. (2555), เอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุมงบประมาณชั้น 3 อาคารรัฐสภา ประจําวันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2555. ถ่ายเอกสาร.
สํานักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ. (2555) แผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2555-2559) กรุงเทพมหานคร : สํานักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
สมบัติ กาญจนกิจ. (2544). นันทนาการชุมช นและโรงเรียน, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมบัติ กาญจนกิจ. (2557). นันทนาการและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สิวาณี เซ็ม (2542). การศึกษาพฤติกรรมการออกกําลังกาย และการเล่นกีฬาของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ, วิทยานิพนธ์, กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Yamane, Taro. (1967). Statistics : An introductory Analysis. New York: Harper and Row.