การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องบัญชีครัวเรือน สำหรับนักเรียนในระดับชั้นมัธยม ศึกษาตอนต้น เพื่อส่งเสริมการเห็นคุณค่าในตนเอง โรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง บัญชีครัวเรือนสำหรับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นเพื่อส่งเสริมการเห็นคุณค่าในตนเอง 2) เพื่อประเมินผลการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง บัญชีครัวเรือน สำหรับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เพื่อส่งเสริมการเห็นคุณค่าในตนเอง การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) แบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง (One Group Pretest - Posttest Design) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจงนักเรียน จำนวน 20 คน ระยะเวลาในการใช้ทดลอง จำนวน 20 ชั่วโมง เครื่องมีที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง บัญชีครัวเรือน แบบทดสอบความสามารถ เรื่อง บัญชีครัวเรือน แบบประเมินนักเรียน เรื่องบัญชีครัวเรือน แบบประเมินการเห็นคุณค่าในตนเอง ผู้วิจัยใช้สถิติค่าความถี่ (Frequencies) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และสถิติเปรียบเทียบ t - test (Pair Simple)
ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง บัญชีครัวเรือน ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of item Objective Congruence: IOC) อยู่ที่ระหว่าง 0.5 - 1 แบบทดสอบความสามารถในเรื่องบัญชีครัวเรือนค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of item Objective Congruence: IOC) อยู่ที่ระหว่าง 0.75 - 1 โดยใช้สูตรคำนวณ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของครอนบาค แอลฟา ผลการวิเคราะห์ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.896 แบบประเมินนักเรียนในเรื่องบัญชีครัวเรือน ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of item Objective Congruence: IOC) อยู่ที่ระหว่าง 0.5 - 1 แบบประเมินการเห็นคุณค่าในตนเอง ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of item Objective Congruence: IOC) อยู่ที่ระหว่าง 0.75 - 1 โดยใช้สูตรคำนวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของ
ครอนบาคแอลฟา ผลการวิเคราะห์ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.956 และ 2) ผลการเรียนรู้ระหว่าง ก่อนเรียนและหลังเรียนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีผลการเรียนรู้ เรื่อง บัญชีครัวเรือน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Coopersmith S. (1984). Self - Esteem Inventories. San Francisco: Consulting Psychologist Press.
Chaiwat wongarsa. (2013). Self - Esteem. Bangkok: Mahidol University.
National Statistical Office. (2021). Household Socio - Economic Survey 2020. Retrieved from http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages
Papapit Srisawangwong. (2019). The guideline for conducting household accounting for developing the accounting wisdom under the sufficiency economy philosophy of community enterprises in Maha Sarakham. Maha Sarakham: Rajaphat Maha Sarakham University.
Pimrak Phumcharern. (2016). Guidelines for controlling factors affecting the recording of household income and expense statements by agriculturists in Thailand. Bangkok: Thammasat University.
Sathit Manokarn. (2018). Developing household account preparation for self - reliance in Baan Na Lae community, Silalang Sub - district, Pua district, Nan province. Nan: Maejo University.
Siriwan Vanichwatanavorachai. (2020). General Methods of Teaching (3th ed.). Nakhonpathom. Silpakorn University Press.
