ผลของการใช้แนวปฏิบัติการคัดกรองกลุ่มอาการเจ็บหน้าอกต่อความถูกต้อง ในการคัดกรอง และความพึงพอใจของพยาบาลคัดกรองในแผนกผู้ป่วยนอก
คำสำคัญ:
แนวปฏิบัติ, กลุ่มอาการเจ็บหน้าอก, พยาบาลคัดกรอง, การส่งต่อบทคัดย่อ
บทนำ: อาการเจ็บหน้าอก เป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อยและส่งผลกระทบต่อประชากรทั่วโลกในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จากการเก็บสถิติการคัดกรองผิดแผนกของงานการพยาบาลคัดกรองผู้ป่วยนอกพบความผิดพลาดร้อยละ 0.02 ที่คัดกรองผิดตามอาการ โดยพบว่า การคัดกรองที่ผิดพลาดส่งผลต่อระดับความเจ็บป่วยที่รุนแรงที่สุด คือ อาการเจ็บหน้าอกพบร้อยละ 6.6 จากการคัดกรองผิดพลาดทั้งหมด
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของการใช้แนวปฏิบัติการคัดกรองกลุ่มอาการเจ็บหน้าอกโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
วิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 5 คน และคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มอาการเจ็บหน้าอก ทั้งหมด 65 ราย โดยใช้แนวปฏิบัติการคัดกรองกลุ่มอาการเจ็บหน้าอกที่พัฒนาจากแนวการพัฒนาแนวทางปฏิบัติทางคลินิกของไอโอวา 7 ขั้นตอน สร้างแบบฟอร์มการคัดกรองกลุ่มอาการเจ็บหน้าอกในแผนกผู้ป่วยนอก และผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิด้วยวิธีการหาค่าดัชนีของความสอดคล้องกันระหว่างข้อคำถามแต่ละข้อกับจุดประสงค์ ได้เท่ากับ 0.9 วิเคราะห์โดยการเปรียบเทียบอัตราการคัดกรองที่ถูกต้องระหว่างก่อนและหลังใช้แนวปฏิบัติการคัดกรองกลุ่มอาการเจ็บหน้าอกในผู้ป่วยนอกและใช้สถิติร้อยละ จากนั้นข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติบรรยาย และเปรียบเทียบผลลัพธ์ของการใช้แนวปฏิบัติโดยใช้สถิติไคล์สแควร์
ผลการวิจัย: อัตราความถูกต้องในการคัดกรองกลุ่มอาการเจ็บหน้าอกของพยาบาลคัดกรอง ก่อนและหลังการใช้แนวปฏิบัติมีอัตราความถูกต้องในการคัดกรอง ร้อยละ 75.38 และ 90.77 ตามลำดับ โดยมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) และอัตราการถูกปฏิเสธการส่งต่อผู้ป่วยจากห้องฉุกเฉินลดลงจาก ร้อยละ 24.62 เหลือ ร้อยละ 9.23 โดยมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< .05)
สรุป: การคัดกรองโดยใช้แนวปฏิบัติในการคัดกรองกลุ่มอาการเจ็บหน้าอก ช่วยเพิ่มอัตราความถูกต้องในการคัดกรอง เกิดจากแนวปฏิบัติที่มีการซักประวัติอย่างครอบคลุม และมีคะแนนในการช่วยตัดสินใจ และส่งผลต่อการส่งต่อคนไข้ ไม่พบการประเมินระดับความฉุกเฉินของผู้ป่วยต่ำกว่าระดับความฉุกเฉินจริงของผู้ป่วย ทำให้ผู้รับบริการไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการทรุดลงขณะรอตรวจ
เอกสารอ้างอิง
Paichadze N, Afzal B, Zia N, Mujeeb R, Khan M, Razzak JA. Characteristics of chest pain and its acute ma nagement in a low-middle income country: analysis of emergency department surveillance data from Pakistan. BMC Emerg Med. 2015;15 Suppl 2(Suppl 2):S13. doi: 10.1186/1471-227X-15-S2-S13. Epub 2015 Dec 11. PMID: 26691439 ; PMCID: PMC4682378.
ICD10Data. 2021 ICD-10-CM Diagnosis Code R07.9. 2021 [Cited 2021 Jan 1]. Available from: https://www.icd10data.com /ICD10CM /Codes/R00-R99/R00-R09/R07-/R07.9
Harold C. Sox, MD. Applying a Clinical Decision Rule for CAD in Primary Care to Select a Diagnostic Test and Interpret the Results. Am Fam Physician. 2019;99(9):584-586.
กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. ข้อมูลโรคไม่ติดต่อ จำนวนอัตราป่วย ตาย ปี 2559 – 2562 [อินเทอร์เน็ต]. กระทรวงสาธารณสุข: กองโรคไม่ติดต่อ; 2563 [เข้าถึงเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2566]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaincd .com/2016/ mission/documents
แสงโสม ช่วยช่วง. ผลของการใช้แนวทางการประเมินสัญญาณเตือนการเข้าสู่ภาวะวิกฤต (MEWS) ในการประเมินและเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงผู้ป่วยในห้องตรวจสวนหัวใจ โรงพยาบาลตรัง. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 2561;29:72-83.
สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. แนวเวชปฏิบัติการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน พ.ศ.2563. พิมพ์ครั้งที่1. สมุทรปราการ:ห้างหุ้นส่วนจำกัด เนคสเตป ดีไซน; 2563.
จอม สุวรรณโณ เบญจมาศ ช่วยชู และเจนเนตร พลเพชร. ความสัมพันธ์ของระดับความเสี่ยงกับการเกิดอุบัติการณ์ชนิดที่รุนแรงของผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดคลื่น ST ไม่ยกสูง: การประเมินทางคลินิกโดยใช้คะแนน GRACE. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก. 2561;29(1):16-28.
เทพีรัตน์ เทศประสิทธิ์. การพัฒนาระบบการคัดแยกประเภทผู้ป่วยงานผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลโชคชัย.วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 2564;15(36): 160-178.
สุรเดช ดวงทิพย์สิริกุล พรทิพย์ วชิรดิลก และธีระ ศิริสมุด. รายงานการศึกษาสถานการณ์บริการการแพทย์ฉุกเฉินและการพัฒนาคุณภาพปฏิบัติการฉุกเฉินผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันชนิด STEMI. 2565. [เข้าถึงเมื่อ 2 มีนาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก https://www.niems .go.th /1/Upload AttachFile/ 2022/ EBook/ 415819_20220624103625.pdf
National Health and Medical Research Council. Guideline for the Develop- ment and Implementation of Clinical Practice Guideline. 2016 [Cited 2021 Jan 1]. Available from https:// www.nhmrc.gov.a/research-policy/guideline-development
ฟองคำ ติลกสกุลชัย. การปฏิบัติการพยาบาลตามหลักฐานเชิงประจักษ์ หลักการและวิธีปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:พรี-วัน; 2553.
Iowa Model Collaborative. Iowa model of evidence-based practice: Revisions and validation. Worldviews Evid Based Nurs. 2017;14(3):175-182. https://doi.org/10.1111/wvn.12223
งานการพยาบาลคัดกรองและรับผู้ป่วยใน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ. สรุปรายงานความเสี่ยงงานการพยาบาลคัดกรองและรับผู้ป่วยใน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ. 2563.
Titler, M. G., Kleiber, C., Steelman, V. J., Rakel, B. A., Budreau, G., Everett, L. Q., & Goode, C. J. The Iowa Model of Evidence-Based Practice to Promote Quality Care. Clin J Oncol Nurs. 2001; 13(4):497-509.
Yamane, Taro. Statistics, An Introductory Analysis,2nd Ed., New York: Harper and Row. 1967.
Kate O’Donovan. Continuing Education Cardiology Assessment of chest pain. [Cited 2021 Jan 1]. Available from: https://www.inmo.ie/MagazineArti - cle /PrintArticle/9528
Harskamp RE ,LaevenSC ,Himmelr- eichJC , et al. Chest pain in general practice: a systematic review of prediction rules. BMJ Open 2019;9: e027081. doi: 10.1136/bmjopen-2018-027081.
McConaghy JR, Sharma M, Patel H. Acute Chest Pain in Adults: Outpatient Evaluation. Am Fam Physician. 2020 Dec 15;102(12):721-727.
ทิพวัลย์ ไชยวงศ์, นิตยา ขอนพิกุล, พงษ์ลัดดา พันธ์สืบ, สมนึก ชีวาเกียรติยิ่งยง, สัณหวัช ไชยวงศ์. แนวปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะเจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา. Health Sci Tech Rev [Internet]. 2015 Dec. 4 [cited 2024 Mar. 9];6(1):77-85. Available from: https://li01.tci-thaijo.org/index. php/journalup/article/view/43286
สุธาสินี พิมพ์สังข์, จีราภรณ์ กรรมบุตร, มยุรี นิรัตธราดร. ผลของการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิกในการคัดกรองกลุ่มอาการปวดท้องในผู้ป่วยนอก. วารสารพยาบาลทหารบก. 2561;19(ฉบับพิเศษ):99-108.
ลัดดาวัลย์ ปลอดฤทธิ์. การพัฒนาแนวปฏิบัติการป้องกันการตกเลือดหลังคลอดระยะแรกในห้องคลอด โรงพยาบาลกระบี่. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 2559;3(3):37-47.
อรอนงค์ ช่วยณรงค์ และดาราวรรณ รองเมือง. การพัฒนาแบบประเมินคัดกรองผู้ป่วยเจ็บ-แน่นหน้าอกหรือใต้ลิ้นปี่ หน่วยงานอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลระนอง. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 2561; 36(2):187-195.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.