การพัฒนาแนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับ ความดันโลหิตไม่ได้ ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองไผ่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น

ผู้แต่ง

  • ยุภาพร ยะอูป -
  • วิลาวัณย์ ชมนิรัตน์
  • ชนะพล ศรีฤๅชา

คำสำคัญ:

การพัฒนาแนวทางในการดูแลผู้ป่วย, ความดันโลหิตสูง, ศูนย์สุขภาพชุมชน

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เพื่อพัฒนาแนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองไผ่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น โดยใช้แนวคิดของ Kemmis & McTaggart (1988) ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ วางแผน ปฏิบัติการ สังเกตการณ์ และการประเมินผล มาใช้ในการพัฒนาแนวทางในการดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้มีทั้งหมดจำนวน 25 คน  ผู้ดูแลผู้ป่วยจำนวน 25 คน ประธานชุมชุม จำนวน 6 คน ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจำนวน 6 คน และเจ้าหน้าที่ศูนย์สุขภาพชุมชนจำนวน 3 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน    65 คน เลือกมาแบบเจาะจง (Purposive Sampling)  ระยะเวลาในการดำเนินการศึกษา 16 สัปดาห์ โดยใช้ข้อมูลทั่วไป, ข้อมูลภาวะสุขภาพ และแบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและร้อยละ (Percentage) ก่อนและหลังเข้าร่วมวิจัย ในส่วนของข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ วิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) โดยการถอดข้อมูล 

ผลการศึกษา พบว่า หลังการเข้าร่วมวิจัย ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้มีพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ไม่อ่านฉลากโภชนาการก่อนบริโภคอาหาร ไม่ออกกำลังกายเลย           ไม่ลืมรับประทานยา เพิ่มขึ้นจากก่อนการเข้าร่วมวิจัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001) และสูงกว่ากลุ่มไม่เข้าร่วมวิจัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.001) โดยมีปัญหาพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมน้อยกว่ากลุ่มไม่เข้าร่วมวิจัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สรุปการพัฒนาแนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงนี้ช่วยให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และควรมี มาตรการสนับสนุนระยะยาวเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้คงอยู่ต่อไปและลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2567). กลุ่มรายงานมาตรฐาน (อินเตอร์เน็ต). สืบค้นจากเวปไซต์

https://hdcservice.moph.go.th/hdc/main/index.php. สืบค้นวันที่ 9 มิถุนายน 2567.

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2567). โรคความดันโลหิตสูง (อินเตอร์เน็ต). สืบค้นจาก

เวปไซต์ https://ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=52. สืบค้นวันที่ 9 มิถุนายน 2567.

ธวัชชัย สัตยสมบูรณ์, & ยุวนุช สัตยสมบูรณ์. (2563). รูปแบบการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังและการสนับสนุน จัดการตนเองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 232-243.

บงกช อนุฤทธิ์ประเสริฐ. (2564). คู่มือการพยาบาลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้สำหรับผู้ป่วยนอก. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล: มหาวิทยาลัยมหิดล.

วนิดา สาดตระกูลวัฒนา. (2561). การพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ใน อำเภอสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี. พุทธชินราชเวชสาร, 35(2), 197-208.

ศุภาวดี พันธ์หนองโพน, วรพจน์ พรหมสัตยพรต, & ผดุงศิษฏ์ ชำนาญบริรักษ์. (2563). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภายใต้รูปแบบการจัดการโรคเรื้อรัง (Chronic Care Model) ในคลินิกโรคเบาหวาน โรงพยาบาลขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 6(2), 55-69.

เสงี่ยม จิ๋วประดิษฐ์กุล. (2563). พฤติกรรมการดูแลตนเองและความสามารถในการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองโพธาวาส. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ, 3(1), 15-30.

อรุณ จิรวัฒน์กุล. (2553). สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์.

Stringer, E. T. (1996). Action research: A handbook of practitioners. London: Sage Publications.

Stringer, E. T. (1999). Action research (2nd ed.). London: Sage Publications.

Wagner, E. H. (1997). Managed care and chronic illness: Health services research needs. Health Services Research, 32(5), 702-714.

World Health Organization. (2018). Noncommunicable diseases country profiles 2018. Geneva: World Health Organization.

World Health Organization. (2023). Hypertension. Retrieved March 16, 2023, from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/hypertension

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-07-25

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย