- การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ โดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ผู้แต่ง

  • จุฑาทิพย์ หีดแก้ว -
  • เขมิกา สมบัติโยธา
  • สุมัทนา กลางคาร

คำสำคัญ:

การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม , การพัฒนาระบบ, ความดันโลหิตสูง, การมีส่วนร่วม

บทคัดย่อ

 การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ โดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ จำนวน 108 คน และผู้จัดรูปแบบบริการสุขภาพ 25 คน เก็บข้อมูลเชิงปริมาณด้วยแบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครสร้าง และการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา และ Paired Samples t-test วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา

            ผลการวิจัยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 69.40) อายุเฉลี่ย 64.09 ปี (SD = 9.76) มีระยะเวลาเป็นโรคเฉลี่ย 7 ปี (SD = 5.35) โดยมีผู้ดูแลหลักเป็นบุตรหลาน (ร้อยละ 54.60) การมีส่วนร่วมของสมาชิกครอบครัวและชุมชนต่อการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง พบว่า ก่อนดำเนินการภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (เฉลี่ย 3.63 ± 1.04) และหลังดำเนินการภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 4.31 ± 0.83 แสดงถึงการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังการดำเนินงาน

            ระบบที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย ระบบการดูแลผู้ป่วยตามแนวคิด “NAMUANG MODEL” (แนวคิด 7 ด้าน) ได้แก่ การดูแลโรค NCDs แบบบูรณาการ ความร่วมมือกับชุมชน การจัดการทรัพยากร การเสริมพลังผู้ดูแล การปรับบริการให้เหมาะสม การเชื่อมโยงเครือข่ายเทคโนโลยี และธรรมาภิบาล ผลการวิเคราะห์พบว่าค่าความดันโลหิตเฉลี่ยก่อนและหลังการพัฒนาระบบลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชนอย่างยั่งยืน

 

เอกสารอ้างอิง

กรมควบคุมโรค กองโรคไม่ติดต่อ. รายงานสถานการณ์โรค NCD เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2562 [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2563 [เข้าถึงเมื่อ 26 เม.ย. 2566]. เข้าถึงจาก:https://ddc.moph.go.th/uploads/pub-lish/1035820201005073556.plf

รัตนา พึ่งเสมา. โรคความดันโลหิตสูง: บทบาทสำคัญของพยาบาล. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย. 2565;15(1):40-9.

HDC จังหวัดสุราษฎร์ธานี. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงของจังหวัดสุราษฎร์ธานี [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 26 เม.ย. 2566]. เข้าถึงจาก: https://hdcservice.moph.go.th/hdc/main/index_pk.php

สำนักวิชาการทางการแพทย์ กรมการแพทย์. รูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (Chronic Care Model: CCM). นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2558.

Bloom BS. Taxonomy of Educational Objectives: The Classification of Educational Goals. Handbook I: Cognitive Domain. New York: David McKay; 1971.

Best JW. Research in Education. 3rd ed. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall; 1977.

Tavakol M, Dennick R. Making sense of Cronbach's alpha. Int J Med Educ. 2011;2:53–55. doi:10.5116/ijme.4dfb.8dfd

กลุ่มงานส่งเสริมสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย. รายงานการดำเนินงานนโยบาย"คนหมุยร่วมใจ ห่างไกล NCDs".สุราษฎร์ธานี: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด; 2565.

สุรีรัตน์ เพ็ชรรัตน์. การพัฒนานโยบายสุขภาพแบบมีส่วนร่วมของชุมชน: กรณีศึกษาชุมชน ภาคใต้. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข. 2565;32(1):45-56.

อารีรัตน์ วงศ์ทอง. บทบาทนโยบายสาธารณสุขต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข. 2563;14(3):210-9.

ศิริพร ศรีสุวรรณ. นโยบายเชิงสัญลักษณ์: อุปสรรคของการส่งเสริมสุขภาพในชุมชน. วารสารสาธารณสุขและการพัฒนา. 2561;16(2):87-96.

Shediac-Rizkallah MC, Bone LR. Planning for the sustainability of community-based health programs: conceptual frameworks and future directions. Health Educ Res. 1998;13(1):87–108.

Laverack G, Labonte R. A planning framework for community empowerment goals within health promotion. Health Policy Plan. 2000;15(3):255–62.

ธัญญา หงษ์ทอง. การมีส่วนร่วมของประชาชนในระบบสุขภาพชุมชน. วารสารวิจัยสุขภาพ ชุมชน. 2565;28(1):33–42.

วรรณภา แสงเดือน. กระบวนการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายสุขภาพระดับชุมชน. วารสารสาธารณสุขชุมชน. 2561;22(4):409–18.

Wallerstein N, Duran B. Community-based participatory research contributions to intervention research: the intersection of science and practice to improve health equity. Am J Public Health. 2010;100(S1):S40–S46.

ประยูร ใจตรง. ข้อจำกัดของคณะทำงานสุขภาพชุมชนในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสาร พัฒนาสังคม. 2559;18(2):115–24.

ธนพร ชุ่มเชื้อ. ผลของการอบรมครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลศาสตร์. 2564;39(2):58–69.

Lorig KR, Ritter P, Stewart AL, Sobel DS, Brown BW Jr, Bandura A, et al. Chronic disease self-management program: 2-year health status and health care utilization outcomes. Med Care. 2001;39(11):1217–23.

สุคนธ์ทิพย์ เจริญพร. ผลของโปรแกรมครอบครัวร่วมใจต่อพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ. 2562;13(2):34–45.

จิตติพร วงษ์พานิช. ประสิทธิผลของการอบรมระยะสั้นต่อพฤติกรรมดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยสุขภาพ. 2560;10(1):22–9.

Clark NM, Gong M, Kaciroti N. A model of self-regulation for control of chronic disease. Health Educ Behav. 2013;41(5):499–508.

จารุวรรณ บุญศล. ผลของการจัดระบบคลินิกโรคเรื้อรังแบบแยกวันบริการต่อความพึงพอใจของผู้ป่วย. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2563;14(2):112–21.

ปาริชาติ กาญจนวงค์, ชลลดา บุญประกอบ, พรรณี วัฒนาวงศ์. การมีส่วนร่วมของ อสม. ต่อการลด อัตราการขาดนัดในคลินิกโรคไม่ติดต่อ. วารสารสุขภาพชุมชน. 2564;25(1):43–50.

สุพัตรา กาบอุ่น. การเข้าถึงบริการสุขภาพของผู้สูงอายุในระบบออนไลน์. วารสารพัฒนาสังคม. 2562;21(2):65–74.

วรรณา ภู่ขจร. การจัดการสุขภาพผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางโดยทีมสหวิชาชีพ. วารสารการพยาบาล. 2562;36(3):85–94.

จิตติมา โพธิ์ทอง. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความร่วมมือในการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเรื้อรังใน ครอบครัว. วารสารสาธารณสุขและสุขภาพชุมชน. 2560;11(2):120–8.

วารุณี อ่อนละม้าย. นวัตกรรมหน่วยตรวจสุขภาพเคลื่อนที่กับการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสารสาธารณสุขชุมชน. 2562;25(3):97–105.

Chien SJ, Liao CC, Chen YT, Hsu YJ, Lee HC. Effectiveness of community-based blood pressure screening stations. BMC Public Health. 2020;20:1334.

นฤมล ดำอ่อน. ปัจจัยที่มีผลต่อการใช้บริการสุขภาพของประชาชนวัยทำงานในเขตเมือง. วารสารการพัฒนาชุมชน. 2561;21(4):102–9.

Boonyasai RT, Somboonwit C, et al. Adopting a patient-centered approach in service delivery could improve the quality of care for hypertension patients in primary care in Thailand. BMC Prim Care. 2023;24(1):88.

Cabana MD, Rand CS, Powe NR, Wu AW, Wilson MH, Abboud PAC, et al. Why don’t physicians follow clinical practice guidelines? A framework for improvement. JAMA. 1999;282(15):1458–65.

ภูษิตา โพธิ์ชัย, พัชรา จันทร์อ่อน, ศุภชัย ปทุมวรรณ. การใช้ Line OA ในการติดตามผู้ป่วยโรคเรื้อรัง: กรณีศึกษาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข. 2563;14(3):298–307.

วราภรณ์ แก้วกูล. การใช้ Google Forms เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนสุขภาพเฉพาะรายในผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อ. วารสารพยาบาลชุมชน. 2564;32(1):56–64.

จิราภรณ์ ลีนะวัฒนา. การเข้าถึงเทคโนโลยีของผู้สูงอายุในพื้นที่ชนบท: ปัจจัยและข้อจำกัด. วารสารสังคมสงเคราะห์. 2561;29(2):87–95.

Nguyen MH, Gruber J, Marler W, Hargittai E. Internet use and well-being among older adults during the COVID-19 pandemic. J Gerontol B Psychol Sci Soc Sci. 2019;74(3):e61–e70.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-10-14

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย