ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ช่องปากของผู้มารับบริการทันตกรรม โรงพยาบาลตรัง จังหวัดตรัง ประเทศไทย
คำสำคัญ:
วัยทำางาน, ผู้มารับบริการทันตกรรม, การรับรู้ด้าน สุขภาพช่องปาก, ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก, การแปรงฟัน, การใช้อุปกรณ์เสริมในการทำาความสะอาดช่องปากบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลส่วนบุคคล การรับรู้ด้านสุขภาพช่องปาก ความรอบรู้ด้าน สุขภาพช่องปาก พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก และศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของ ผู้มารับบริการทันตกรรมโรงพยาบาลตรัง ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 340 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม แบบตอบด้วยตนเอง ในเดือนมิถุนายน–กรกฎาคม 2567 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน คือ Chi-square test and Spearman rank correlation test ที่ระดับนัยสำาคัญทางสถิติ 0.05 ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างเพศหญิงมากกว่า เพศชาย มีอายุเฉลี่ย 33.37±12.39 ปี ร้อยละ 81.76 เคยได้รับความรู้เกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก มีความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก ในภาพรวมทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 104.88±17.26 คะแนน) มีพฤติกรรมการแปรงฟันระดับสูง (คะแนนเฉลี่ย 4.05±0.60 คะแนน) และมีพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์เสริมในการทำาความสะอาดช่องปากระดับปานกลาง (คะแนนเฉลี่ย 3.17±0.82 คะแนน) พบปัจจัยในเรื่อง เพศ การรับรู้ที่เป็นด้านความพึงพอใจต่อสุขภาพช่องปาก และการได้รับความรู้เกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก และความรู้รอบด้านสุขภาพช่องปากโดยรวมมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการแปรงฟัน (p-value < 0.05) และเมื่อแยกรายด้านของ ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากที่พบความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการแปรงฟัน คือ ด้านการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการ ด้านความรู้ ความเข้าใจ ด้านทักษะการสื่อสารเพิ่มความเชี่ยวชาญ และด้านทักษะการจัดการตนเอง ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม การใช้อุปกรณ์เสริมในการทำาความสะอาดช่องปาก (p-value < 0.05) ได้แก่ ระดับการศึกษา การรับรู้ด้านความพึงพอใจต่อสุขภาพช่องปาก และความรู้รอบด้านสุขภาพช่องปาก 5 ด้าน คือ ด้านการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ และบริการ ด้านความรู้ ความเข้าใจ ด้านทักษะการสื่อสาร เพิ่มความเชี่ยวชาญ ด้านทักษะการจัดการตนเอง ด้านการตัดสินใจ
ดังนั้น ควรจัดกิจกรรมที่เน้นการเพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพ ช่องปาก โดยเน้นการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ การพัฒนาความเข้าใจ และเสริมทักษะการสื่อสาร เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่มวัยทำางาน สามารถจัดการดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ประเทศไทย พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: สามเจริญพาณิชย์; 2561.
สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 9 ประเทศไทย พ.ศ. 2566. นนทบุรี: สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2567.
ฐานข้อมูล Health Data Center กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลการเข้าถึงบริการทันตกรรมในผู้มีอายุ 15-59 ปี https://hdcservice.moph.go.th/hdc/main/index.php. Accessed Febuary 1, 2025
อรรถพล แกว้สมัฤทธิ์. การขับเคลื่อนความรอบรู้ด้านสุขภาพ และการสื่อสารสุขภาพ. กรมอนามัย; 2560. http://doh.hpc.go.th/data/HL/HL_DOH_drive.pdf. Accessed April 5, 2022
Horowitz AM, Kleinman DV. Oral health literacy: the new imperative to better oral health. Dent Clin North Am. 2008;52(2):333-vi. doi:10.1016/j.cden.2007.12.001
Alzahrani AY, El Meligy O, Bahdila D, Aljawi R, Bamashmous NO, Almushayt A. Health and oral health literacy: A comprehensive literature review from theory to practice. Int J Paediatr Dent. 2025;35(2):434-445. doi:10.1111/ipd.13255
Yu S, Huang S, Song S, Lin J, Liu F. Impact of oral health literacy on oral health behaviors and outcomes among the older adults: a scoping review. BMC Geriatr. 2024;24(1):858. Published 2024 Oct 22. doi:10.1186/s12877-024-05469-1
Piyakhunakorn P, Sermsuti-anuwat N. The associations between oral health literacy and oral health-related behaviours among community-dwelling older people in Thailand. Glob J Health Sci. 2021;13(3):1. doi:10.5539/gjhs.v13n3p1
Sermsuti-Anuwat N, Piyakhunakorn P. Association Between Oral Health Literacy and Number of Remaining Teeth Among the Thai Elderly: A Cross-Sectional Study. Clin Cosmet Investig Dent. 2021;13:113-119. Published 2021 Apr 12. doi:10.2147/CCIDE.S306110
Daniel WW. Biostatistics: A foundation for analysis in the health sciences. 9th ed. Hoboken (NJ): Wiley; 2010.
พันธ์นภา จิตติมณี. การศึกษาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในประชาชนทั่วไป. วารสารสุขศึกษาและสุขภาพ. 2562;19(3):150-61.
กระทรวงสาธารณสุข กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. แนวทางการส่งเสริมสุขภาพช่องปากในชุมชน. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2561.
Best J. Research in education. 7th ed. Englewood Cliffs (NJ): Prentice-Hall; 1998.
Hinkle DE. Statistical analysis: A guide to understanding and using SPSS. 2nd ed. Boston (MA): Allyn and Bacon; 1998.
ธันวา อินทรสุขสันติ. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยทางการแพทย์. 2566;14(1):73-88.
วชิระ เพ็งจันทร์. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy). นนทบุรี: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2560.
วรวลัญช์ หิรัญวิชญารัตน์, ธนวัฒน์ ขวัญฤดีรัตน์, รัญญาภัสร์ มุขเงิน, สุหัทยา ลิขิตธนสมบัติ, สรสัณห์ รังสิยานนท์. ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของนักเรียนนิสิตทันตแพทย์และทันตแพทย์ในกรุงเทพมหานคร. วารสารคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 2564;14(2):48-64.
Sairat K, Phoosuwan N (2024) Factors associated with oral health care behavior of people with type 2 diabetes mellitus: A hospital-based, cross-sectional study. PLOS ONE 19(5): e0303530. https://doi.org/10.1371/journal.pone.0303530
Rosenstock IM. Historical Origins of the Health Belief Model. Health Education Monographs. 1974;2(4):328-335. doi:10.1177/109019817400200403
Janz NK, Becker MH. The Health Belief Model: a decade later. Health Educ Q. 1984;11(1):1-47. doi:10.1177/109019818401100101
วิชาญ ปาวัน, กรัณฑรัตน์ บุญช่วยธนาสิทธิ์, จักรกฤษณ์ พลราชม, มาสริน ศุกลปักษ์. การรับข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และพฤติกรรมการป้องกันโรคและภัยสุขภาพของประชาชนไทย ประจำปี 2559. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2559;11(1):70-9.
Don Nutbeam, Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century, Health Promotion International, Volume 15, Issue 3, September 2000, Pages 259–267, https://doi.org/10.1093/heapro/15.3.259
Sørensen K, Van den Broucke S, Fullam J, et al. Health literacy and public health: a systematic review and integration of definitions and models. BMC Public Health. 2012;12:80. Published 2012 Jan 25. doi:10.1186/1471-2458-12-80
รอซีกีน สาเร๊ะ, คันธมาทน์ กาญจนภูมิ, กัลยา ตันสกุล. ความรอบรู้ด้านทันตสุขภาพกับการดูแลสุขภาพช่องปากของวัยรุ่นตอนต้นในจังหวัดยะลา. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน. 2564;3(3):27-39.
ศิริภา คงศรี. การศึกษาผลกระทบของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มวัยทำงาน. วารสารสุขภาพช่องปาก. 2563;32(4):45-59.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และคณาจารย์ท่านอื่น ในราชวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว