ผลของการใช้โปรแกรมการให้ข้อมูลการรักษาอย่างมีแบบแผนต่อความวิตกกังวลของมารดาผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยใน
คำสำคัญ:
โปรแกรมการให้ข้อมูลการรักษาอย่างมีแบบแผน, ความวิตกกังวล, ผู้ป่วยเด็ก, มารดาบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการให้ข้อมูลการรักษาอย่างมีแบบแผนต่อความวิตกกังวลของมารดาผู้ป่วยเด็กอายุระหว่าง 1 เดือน - 5 ปี ที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วย โรงพยาบาลสะเดา จำนวน 27 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่ม กลุ่มตัวอย่างได้รับโปรแกรมการให้ข้อมูลการรักษาอย่างมีแบบแผน แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกรับ ระยะที่เข้ารับการรักษา ระยะวางแผนการจำหน่าย และระยะจำหน่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป และแบบสอบถามวัดความวิตกกังวลของมารดา เครื่องมือนี้ผ่านการตรวจสอบความตรงของเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง 0.67 - 1.00 และได้ค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาคเท่ากับ 0.80 วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติพรรณนาและวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าคะแนนของความวิตกกังวลของมารดาผู้ป่วยเด็กก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรม โดยใช้สถิติทดสอบที (Paired -Sample t–test)
ผลการศึกษาพบว่า หลังการเข้าร่วมโปรแกรมการให้ข้อมูลการรักษาอย่างมีแบบแผน ระดับความวิตกกังวลของมารดาผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยใน (Mean = 1.71, S.D. = 0.31) ต่ำกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรม (Mean = 2.31, S.D. = 0.40) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมการให้ข้อมูลการรักษาอย่างมีแบบแผน สามารถลดความวิตกกังวลของมารดาผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
จริยา สายวารี และวันดี ชูชาติ. (2550). ผลการให้ข้อมูลอย่างแบบแผนต่อความวิตกกังวลของมารดาผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด. สงขลานครินทร์เวชสาร, 25(3), 179-184.
น้ำทิพย์ แก้ววิชิต, กัลยาณี ท่าจีน, ปราณี จันทรมณีย์ และฐาปนิตย์ โชติสุวรรณศิริ. (2562). ผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมของบิดามารดาในการดูแลเด็กป่วยต่อความวิตกกังวลและบทบาทของบิดามารดาในหออภิบาลเด็ก. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 11(2), 12-22.
บุญเพียร จันทวัฒนา, นงลักษณ์ จินตนาดิลก, พรทิพย์ อาปณกะพันธ์ และวาสนา แฉล้มเขตร. (2544). ผลการให้ข้อมูลเพื่อลดความวิตกกังวลของมารดาที่มีบุตรต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล. วารสารกุมารเวชศาสตร์, 1(2), 26-36.
สุวพีร์ จันทรเจษฎา. (2547). ผลของการจัดรูปแบบการให้ข้อมูลแก่สมาชิกในครอบครัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองต่อความวิตกกังวลของครอบครัวและความพึงพอใจในการจัดรูปแบบของพยาบาลหอผู้ป่วยวิกฤติ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการพยาบาล, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อลงกรณ์ อักษรศรี, วัลยา ธรรมพนิชวัฒน์, ไข่มุก วิเชียรเจริญ และพรรณรัตน์ แสงเพิ่ม. (2555). ผลของการให้ข้อมูลแบบรูปธรรม-ปรนัย ต่อความวิตกกังวลและการมีส่วนร่วมของบิดามารดาในการดูแลบุตรที่ได้รับการรักษาในหอผู้ป่วยเด็กวิกฤติ. วารสารพยาบาลศาสตร์, 30(2), 80-89.
อำพร มะลิวัลย์, ยุวมาลย์ ศรีปัญญวุฒิศักดิ์ และสมพิศ อรรถกมล. (2557). ประสิทธิผลของโปรแกรมการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผนต่อความวิตกกังวล และความพึงพอใจของสมาชิกในครอบครัวผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยหนัก. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 7(2), 95-108.
อุษณีย์ จินตะเวช. (2561). ผลกระทบของการเจ็บป่วยและการอยู่โรงพยาบาลต่อทารก เด็กและผู้ปกครอง. สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2565 จาก http://portal.nurse.cmu.ac.th/E-Learning/Lists/List/Attachments/113/2.
เอื้องพร พิทักษ์สังข์, จุฑาไล ตัณฑเทิดธรรม, สุกัญญา ศุภฤกษ์ และอรทัย วรานุกูลศักดิ์. (2554). การศึกษาความวิตกกังวลความเครียด และความต้องการข้อมูลของผู้ป่วยก่อนได้รับการผ่าตัดทางตาแบบผู้ป่วยนอก. วารสารพยาบาลศิริราช, 4(1), 35-42.
Bhansali, P., Washofsky, A., Romrell, E., Birch, S., Winer, J. C., & Hoffner, W. (2016). Parental understanding of hospital course and discharge plan. Hospital Pediatrics, 6(8), 449–455. https://doi.org/10.1542/hpeds.2015-0111.
Canga, M., Malagnino, I., Malagnino, G., & Malagnino, V. A. (2020). Evaluating different stressors among parents with hospitalized children. Journal of Education and Health Promotion, 9, 9. https://doi.org/10.4103/jehp.jehp_529_19.
Cohen, J. (1977). Statistical power analyses for the behavioral sciences. Hillsdale, NJ7 Lawrence Earlbaum.
Leventhal, H. & Johnson, J. E. (1983). Laboratory and field experimentation: Development of a theory of self-regulation. In P.J. Wooldridge, M. H.Schmitt, J. K. Skipper, and R. C. Leonard (Ed.), Behavioral science and nursing theory (pp. 189-262). St. Louis: The C.V. Mosby Company.
Olsen, F., Balteskard, L., Uleberg, B., Jacobsen, B. K., Heuch, I., & Moen, A. (2021). Impact of parents' education on variation in hospital admissions for children: A population-based cohort study. British Medical Journal, 11(6), e046656. https://doi.org/10.1136/bmjopen-2020-046656.
Tsironi, S. & Koulierakis, G. (2018). Factors associated with parents' levels of stress in pediatric wards. Journal of Child Health Care: For Professionals Working with Children in the Hospital and Community, 22(2), 175–185. https://doi.org/10.1177/1367493517749327.
Van Oers, H. A., Haverman, L., Limperg, P. F., Van Dijk-Lokkart, E. M., Maurice-Stam, H., & Grootenhuis, M. A. (2014). Anxiety and depression in mothers and fathers of a chronically ill child. Maternal and Child Health Journal, 18(8), 1993–2002. https://doi.org/10.1007/s10995-014-1445-8.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 2022-08-31 (2)
- 2022-08-30 (1)
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข


