The Relationship between Competency and Well-Being of Elderly Leaders in Family and Community in Phetchaburi Province
Keywords:
Elderly, Competency, Well-being, Elderly LeaderAbstract
The objectives of this correlation study were to examine the competency and well-being of elderly leaders in families and communities in Phetchaburi province, as well as to explore the relationship between competency and well-being. The participants were selected by 369 elderly leaders aged 60 years and lived in Phetchaburi province. Data collection tools included a competency assessment questionnaire and a well-being assessment questionnaire. The content validity coefficient for both questionnaires was 0.97, and the Cronbach’s alpha reliability coefficient for the competency domain questions was 0.97, while for the well-being domain questions, it was 0.96. Data were analyzed using descriptive statistics, including frequency, percentage, mean, and standard deviation, and correlation analysis using Pearson Correlation Coefficient.
The research results found that the overall competency leader of the elderly was at a moderate level. The four competency levels with the highest averages were service mind, emotional and personality control, the ability to maintain health equipment, and intentions in morals and ethics, respectively. The overall the well-being of the elderly leaders were at a high level. The five well-being levels with the highest average values were eating, sleeping, environment housing and community satisfaction and, value for society and value to the family, respectively. Competency and well-being of the elderly leaders in family and community in Phetchaburi province had moderately positively correlated statistically significant (r = 0.780, p-value < 0.01). Therefore, it can be concluded that as the competency level of elderly leaders increases, their well-being also increases. Hence, it is advisable to promote or develop high competency in elderly leaders to enhance their well-being.
References
กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2566). แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566-2580). กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.
เกิดสิริ หงษ์ไทย. (2564). การวิเคราะห์มโนทัศน์ความผาสุกตามมุมมองในผู้สูงอายุ. วารสารสภาการพยาบาล, 36(4), 44-59.
ขนิษฐา พิศฉลาด, เกศมณี มูลปานันท์, ภาวดี วิมลพันธุ์ และอรนลิน สิงขรณ์. (2562). การพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพแก่ผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง. กรุงเทพฯ: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.).
ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2550). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. นนทบุรี: ไทเนรมิตกิจ อินเตอร์ โปรเกรสซิฟ จำกัด.
ซอมพอ อุปขาว, ศิริรัตน์ ปานอุทัย และเดชา ทำดี. (2566). ความรอบรู้ด้านอาหารและพฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง. วารสารพยาบาลสาร, 50(2), 71-84.
ฐากูร หอมกลิ่น. (2562). คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในเขตเทศบาล ตำบลท่ายาง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย, 14(49), 85-93.
ณัฐวดี จิตรมานะศักดิ์. (2566). รูปแบบการพัฒนาแกนนำด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ. วารสารสหวิทยาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 6(4), 2177-2199.
นิชนันท์ สุวรรณกูฏ, สุวภัทร นักรู้กำพลพัฒน์, อมรรัตน์ นธะสนธิ์ และวุฒิชัย ลำดวน. (2564). ปัจจัยทำนายสมรรถนะในการดูแลผู้สูงอายุของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 23, 18-26.
นิชนันท์ สุวรรรกูฏ. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะในการดูแลผู้สูงอายุของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 23(2), 18-26.
พวงชมนาถ จริยะจินดา. (2564). บทบาทของผู้ดูแลผู้สูงอายุตามหลักอิทธิบาท 4. วารสารวิชาการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร, 1(2), 18-28.
เพชรีย์ กุณาละสิริ และณัฏฐ์ฌาฑ์ สร้อยเพ็ชร. (2565). การพัฒนาแกนนำสุขภาพครอบครัวและชุมชนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลสาร, 49(3), 258-271.
มลินี สมภพเจริญ, ขวัญใจ อำนาจสัตย์ซื่อ และกานดาวสี มาลีวงษ์. (2564). การยอมรับนวัตกรรม 4 สมาร์ทในแกนนำผู้สูงอายุเขตดอนเมือง. วารสารนิเทศศาสตร์, 39(3), 1-21.
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2560). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2559. กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).
วาสนา สิทธิกัน. (2560). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตเทศบาล ตำบลบ้่านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
วริศรา อินทรแสน, วรรณวีร์ บุญคุ้ม และคณิต เขียววิชัย. (2563). การศึกษาสภาพการณ์ปัจจุบันของผู้ สูงอายุด้านความสุขในยุคไทยแลนด์ 4.0 ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 12(24), 78-90.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). การคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553-2583 (ฉบับปรับปรุง). สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2566 จากhttps://www.nesdc.go.th/ewt_w3c/ewt_dl_link.php?nid=9812
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดเพชรบุรี. (2563). รายงานสถานการณ์ทางสังคม จังหวัดเพชรบุรี ปี 2563. กลุ่มนโยบายและวิชาการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดเพชรบุรี.
สุนทร คงทองสังข์. (2566). การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุโดยแกนนำสุขภาพครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมจังหวัดพัทลุง. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 8(2), 455-464.
สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต. (2554). การพัฒนาความสุขของผู้สูงอายุ. เอกสารประกอบการประชุม กระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี: กรมสนับสนุนบริการ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต.
Burns, J. M. (1978). Leadership: Theory of leadership. New York: Harper & Row, 7, 19-20.
Campbell, A. (1976). Subjective measures of well-being. American Psychologist, 31, 117-124. https://doi.org/10.1037/0003-066X.31.2.117
Likert, R. (1967). The method of constructing and attitude scale. New York: Wiley & Son.
Perry, H., Crigler, L., Lewin, S., Glenton, C., LeBan, K., & Hodgins, S. (2017). A new resource for developing and strengthening large-scale community health worker programs. Human Resources for Health, 15(1), 13. https://doi.org/10.1186/s12960-016-0178-8
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2023 Journal of Nursing and Public Health Research
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข