ผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนโดยใช้สถานการณ์จำลอง ต่อความรู้ ทักษะและการรับรู้ความสามารถของตนเองในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงของนักศึกษาพยาบาล
คำสำคัญ:
โปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตน, สถานการณ์จำลอง, การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูง, นักศึกษาพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงกึ่งทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมและวัดผลก่อน-หลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนโดยใช้สถานการณ์จำลองต่อความรู้ ทักษะและการรับรู้ความสามารถของตนเองในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 จำนวน 120 คน คัดเลือกโดยการสุ่มอย่างง่าย แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ โปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนโดยใช้สถานการณ์จำลอง ประกอบด้วย สถานการณ์จำลองผู้ป่วย หุ่นจำลองและหุ่นฝึกทักษะและ วีดีโอการปฏิบัติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบวัดความรู้ในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูง แบบประเมินทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูง และแบบประเมินการรับรู้สมรรถนะของตนเองในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูง วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลความรู้ ทักษะ และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการช่วยฟื้นคืนชีพระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมโดยใช้สถิติ Independent t-test
ผลการวิจัย พบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนโดยใช้สถานการณ์จำลอง กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยของความรู้ ทักษะและการรับรู้ความสามารถของตนเองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001) ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้สถานการณ์จำลองในการฝึกอบรมทางการแพทย์เพื่อพัฒนาสมรรถนะของนักศึกษาในการดูแลผู้ป่วยในภาวะวิกฤติ-ฉุกเฉิน โดยการที่นักศึกษาได้รับส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนโดยใช้สถานการณ์จำลองจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานจริง
เอกสารอ้างอิง
นนทรัตน์ จำเริญวงศ์, ชลกนก ธนาภควัตกุล, สุพรรณิการ์ ปิยะรักษ์, ชยธิดา ไชยวงษ์ และทิพย์ ลือชัย. (2565). ผลการเตรียมความพร้อมในการฝึกปฏิบัติการพยาบาล โดยใช้สถานการณ์จำลองเสมือนจริงต่อการรับรู้ความสามารถและผลลัพธ์ที่คาดหวังในการฝึกปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วยของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่, วารสารแพทย์นาวี, 49(1), 135-149.
พรรณี ศรีพารา. (2564). ผลของการใช้โปรแกรมการสอนการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงโดยใช้สถานการณ์จาลองต่อความรู้และทักษะของพยาบาลโรงพยาบาลโกสุมพิสัยจังหวัดมหาสารคาม. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 10(1), 26-35.
ภาวิณี แพงสุข และชลดา กิ่งมาลา. (2564). ผลของการใช้สถานการณ์จำลอง ต่อความรู้ และความมั่นใจในความสามารถในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินของนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 3.วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 41(2), 89-100.
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ. (2564). แผนหลักการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ฉบับที่ 3.1 พ.ศ. 2562-2564. สืบค้นเมื่อ 24 ตุลาคม 2564 จาก https://www.niems.go.th/1/upload/migrate/file/ 256112221455115037_GWJdMn5ejp3gVAdc.pdf.
Aebersold, M. (2018). Simulation-based learning: No longer a novelty in undergraduate education. Online Journal of Issues in Nursing, 23(2). 1-1. https://doi.org/10.3912/OJIN.Vol23No02PPT39
Bandura, A., & Wessels, S. (1997). Self-efficacy. Cambridge: Cambridge University Press.
Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences (2nd ed.). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates, Publishers.
Faul, F., Erdfelder, E., Buchner, A., & Lang, A. G. (2009). Statistical power analyses using G* Power 3.1: Tests for correlation and regression analyses. Behavior Research Methods, 41(4), 1149-1160. https://doi.org/10.3758/BRM.41.4.1149
Jeffries, P. R. (2020). The role of simulation in nursing education: A regulatory perspective. Journal of Nursing Regulation, 11(2), 27-33. https://doi.org/10.1016/S2155-8256(20)30148-2
Kaddoura, M. A. (2021). The effectiveness of simulation-based learning in nursing education: A review. Nurse Education in Practice, 50, 102929. https://doi.org/10.1016/j.nepr.2021.102929
Kapucu, S. (2017). The effects of using simulation in nursing education: A thorax trauma case scenario. International Journal of Caring Sciences, 10(2), 1069-1074.
Kim, S. H., Issenberg, B., & Roh, Y. S. (2020). The effects of simulation-based advanced life support education for nursing students. CIN: Computers, Informatics, Nursing, 38(5), 240-245. https://doi.org/10.1097/CIN.0000000000000560
Kolb, D. A. (2015). Experiential learning: Experience as the source of learning and development (2nd ed.). London: Pearson Education.
Panchal, A. R., et al. (2020). Part 3: adult basic and advanced life support: 2020 American Heart Association guidelines for cardiopulmonary resuscitation and emergency cardiovascular care. Circulation, 142(16_Suppl_2), S366-S468. https://doi.org/10.1161/CIR.0000000000000916
Schön, D. A. (2017). The reflective practitioner: How professionals think in action. Abingdon, England; New York, NY: Routledge.
Zheng, J., et al. (2023). Incidence, process of care, and outcomes of out-of-hospital cardiac arrest in China: A prospective study of the BASIC-OHCA registry. The Lancet Public Health, 8(12), e923-e932. https://doi.org/10.1016/S2468-2667(23)00173-1
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข


