Factors Predicting Depression in Adolescent Pregnant Woman
Main Article Content
บทคัดย่อ
Purpose: To determine the factors predicting depression in adolescent pregnant woman.
Design: A correlational predictive design.
Methods: The sample were composed of 145 first-time pregnant women aged between 10-19 who attended antenatal clinic at Siriraj Hospital. Data were collected using demographic data form, Rosenberg’s self-esteem Scale, the Short–Form Locked Marital Adjustment Questionnaire, the Multidimensional Scale of Perceived Social Support, and the Center for Epidemiologic Study-
Depression Scale. Results were analyzed using descriptive statistics, point biserial correlation, Pearson’s correlation and multiple regression.
Main findings: The results showed that 20.6% of the adolescent pregnant women experienced depression. There was a negative correlation between self-esteem (r = - .533, p < .01), marital adjustment (r = - .433, p < .01), social support (r = - .242, p < .01), type of family (rpb = - .21, p < .01), family income (r = - .170, p < .05) and depression. Results of multiple regression analysis indicated that self-esteem (β = - .401, p < .001) marital adjustment (β = - .255, p < .01), and type of family (β = - .165, p < .05) could significantly predict depression. All 13 factors could explain 40% of the variance in the depression.
Conclusion and recommendations: The findings suggest that nurses should screening depression in adolescent pregnant women and should develop nursing interventions or programs to reduce depression, promote self-esteem, and marital adjustment. Establishment of adolescent pregnant clinic for those who lack support from parents and relatives is essential.
ปัจจัยทำนายภาวะซึมเศร้าในสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่น
รุ่งทิพย์ กาศักดิ์, เยาวลักษณ์ เสรีเสถียร, อารีรัตน์ บางพิเชษฐ์
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยทำนายภาวะซึมเศร้าในสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่น
รูปแบบการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยศึกษาความสัมพันธ์เชิงทำนาย
วิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่นครรภ์แรก อายุระหว่าง 10-19 ปีที่มารับบริการฝากครรภ์ที่หน่วยฝากครรภ์โรงพยาบาลศิริราช จำนวน 145 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง แบบสอบถามการปรับตัวในชีวิตสมรส แบบสอบถามการรับรู้การสนับสนุนทางสังคม และแบบคัดกรองภาวะซึมเศร้า (CES-D) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบพ้อยท์ไบซีเรียล สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสถิติถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัย: ร้อยละ 20.6 ของกลุ่มตัวอย่างมีภาวะซึมเศร้าในระยะตั้งครรภ์ ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง (r = - .533, p < .01) การปรับตัวในชีวิตสมรส (r = - .433, p < .01) การรับรู้การสนับสนุนทางสังคม (r = - .242, p < .01) ลักษณะครอบครัว (rpb = - .214, p < .01) และรายได้ครอบครัว (r = - .170, p < .05) มีความสัมพันธ์ทางลบกับภาวะซึมเศร้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อวิเคราะห์ด้วยสถิติถดถอยพหุคูณพบว่า ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง (β = - .401,
p < .001) การปรับตัวในชีวิตสมรส (β = - .255, p < .01) ลักษณะครอบครัว (β = - .165, p < .05) สามารถทำนายภาวะซึมเศร้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และตัวแปรทุกตัวสามารถร่วมกันทำนายภาวะซึมเศร้าได้ร้อยละ 40
สรุปและข้อเสนอแนะ: พยาบาลหน่วยฝากครรภ์ควรคัดกรองภาวะซึมเศร้าในสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่นทุกราย และควรจัดโปรแกรมหรือกิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดภาวะซึมเศร้า ส่งเสริมความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง การให้ความรู้เกี่ยวกับการปรับตัวในชีวิตสมรส การจัดคลินิกช่วยเหลือสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่นที่มีลักษณะครอบครัวเดี่ยว หรือญาติไม่ยอมรับเพื่อป้องกันภาวะซึมเศร้าในระยะตั้งครรภ์
คำสำคัญ: ภาวะซึมเศร้า ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง การปรับตัวในชีวิตสมรส ลักษณะครอบครัว สตรีตั้งครรภ์วัยรุ่น
Article Details
ลิขสิทธิ์: วารสารพยาบาลศาสตร์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ ห้ามผู้ใดนำบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารพยาบาลศาสตร์ไปเผยแพร่ในลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้ การส่งบทความไปตีพิมพ์เผยแพร่ที่อื่น การนำบทความเผยแพร่ออนไลน์ การถ่ายเอกสารบทความเพื่อกิจกรรมที่ไม่ใช่การเรียนการสอน ยกเว้นเสียแต่ได้รับอนุญาตจากวารสารพยาบาลศาสตร์

Disclaimer: เนื้อหาบทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารพยาบาลศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่มีส่วนรับผิดชอบแต่อย่างใด