Factors Predicting Self-Management Behaviors of Patients with Peripheral Arterial Occlusive Disease Post-Endovascular Therapy
Main Article Content
บทคัดย่อ
Purpose: To determine the predictive power of fatigue, illness perception, and patient-provider communication on self-management behaviors of patients with peripheral arterial occlusive disease post-endovascular therapy.
Design: A correlational predictive design.
Methods: The sample consisted of 78 patients with peripheral arterial occlusive disease who had undergone endovascular therapy and came for follow up at the out-patient department and the Special Medical Instrument for Treatment and Follow-up Unit, Siriraj Hospital. The interviews were used for data collection. The interview data forms included demographic characteristics, self-management behaviors, the Revised Piper Fatigue Scale, patient-provider communication, and the Brief Illness Perception questionnaire. The data were analyzed using multiple regression analysis.
Main findings: Self-management behaviors of subjects were good (X = 3.85, SD = .37). Fatigue, illness perception, and patient-provider communication could jointly predict 10% of self-management behaviors of the subjects (R2 = .10, p < .05). Fatigue was the only factor that could significantly predict self-management behaviors of patients with peripheral arterial occlusive disease post-endovascular therapy (β = - .303, p < .05).
Conclusion and recommendations: Nurses should pay more attention to the problem of fatigue in patients with peripheral arterial occlusive disease. Nurses should assess fatigue level and promote fatigue management during pre-post therapy and follow up period. Moreover, researchers should examine others factors that may influence self-management behaviors, for instance, understanding of information and family support.
Keywords: self-management behaviors, fatigue, post-endovascular therapy
ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ป่วยหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน ภายหลังได้รับการรักษาผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดง
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาอำนาจการทำนายของอาการอ่อนล้า การรับรู้ความเจ็บป่วย การสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่สุขภาพ ต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ป่วยหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน ภายหลังได้รับการรักษาผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดง
รูปแบบการวิจัย: การศึกษาความสัมพันธ์เชิงทำนาย
วิธีการดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันซึ่งได้รับการรักษาผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดง และมาติดตามการตรวจรักษาที่หน่วยตรวจโรคผู้ป่วยนอกและหน่วยตรวจรักษาด้วยเครื่องมือพิเศษและติดตามผล ณ โรงพยาบาลศิริราช จำนวน 78 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ข้อมูลทั่วไป พฤติกรรมการจัดการตนเอง อาการอ่อนล้า การสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่สุขภาพ และการรับรู้ความเจ็บป่วยฉบับย่อ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติการถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการจัดการตนเองอยู่ในระดับดี (X = 3.85, SD = .37) อาการอ่อนล้า การรับรู้ความเจ็บป่วย และการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่สุขภาพ ร่วมกันทำนายพฤติกรรมการจัดการตนเองของกลุ่มตัวอย่าง ได้ร้อยละ 10 (R2 = .10, p < .05) โดยมีอาการอ่อนล้าเพียงตัวแปรเดียวที่สามารถทำนายพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ป่วยหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน ภายหลังได้รับการรักษาผ่านสายสวนได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (β = - .303, p < .05)
สรุปและข้อเสนอแนะ: พยาบาลควรให้ความสำคัญต่อปัญหาอาการอ่อนล้าของผู้ป่วยหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันโดยควรประเมินอาการอ่อนล้าและส่งเสริมการจัดการกับอาการอ่อนล้าเป็นระยะๆ ตั้งแต่ระยะก่อนและหลังรับการรักษาจนถึงระยะที่มาตรวจติดตามการรักษา ในการศึกษาครั้งต่อไป ผู้วิจัยควรศึกษาปัจจัยอื่นที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการจัดการตนเอง เช่น ความเข้าใจในข้อมูลที่ได้รับ และการสนับสนุนจากครอบครัว เป็นต้น
คำสำคัญ: พฤติกรรมการจัดการตนเอง อาการอ่อนล้า การรักษาผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดง
Article Details
ลิขสิทธิ์: วารสารพยาบาลศาสตร์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ ห้ามผู้ใดนำบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารพยาบาลศาสตร์ไปเผยแพร่ในลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้ การส่งบทความไปตีพิมพ์เผยแพร่ที่อื่น การนำบทความเผยแพร่ออนไลน์ การถ่ายเอกสารบทความเพื่อกิจกรรมที่ไม่ใช่การเรียนการสอน ยกเว้นเสียแต่ได้รับอนุญาตจากวารสารพยาบาลศาสตร์

Disclaimer: เนื้อหาบทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารพยาบาลศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่มีส่วนรับผิดชอบแต่อย่างใด