Factors Influencing Adherence to Inhaled Long Acting Bronchodilators with Corticosteroid in Patient with Chronic Obstructive Pulmonary Disease
Main Article Content
บทคัดย่อ
Abstract
Purpose: This study aimed to examine the influences of perception of disease control,
medication taking confidence, readiness to take medication, and patient-clinician communication on adherence to inhaled long acting bronchodilators with corticosteroid in patients with chronic obstructive pulmonary disease (COPD).
Design: A correlational predictive research.
Methods: The sample consisted of 120 patients with COPD who received medical treatment
at the outpatient department of a tertiary hospital. Data were collected by questionnaires including: Demographic, Medication Adherence Report Scale, Brief Illness Perception, The Confidence Ruler, Readiness to Change and Physician-Patient Communication Behaviors Scale. Data were analyzed by using descriptive statistics and logistic regression analysis.
Main findings: According to the findings, the samples were males (95%) with a mean age of
68.95 years (SD = 9.33, Max = 88, Min = 48) and had adherence to inhaled long-acting
bronchodilators with corticosteroid at 65.8%. Perception of disease control, medication taking confidence, readiness to take medication and patient-clinician communication were accounted for 53.8% of variance in explaining adherence to inhaled long-acting bronchodilators with corticosteroid in patients with chronic obstructive pulmonary disease (Nagelkerke R2 = .538). It was also found that medication taking confidence and readiness to take medication could predict inhaled therapy adherence in COPD (OR = 2.01, p < .05 and OR = 2.41, p < .05), respectively.
Conclusion and recommendations: Nurses should give precedence to assess COPD patients’ readiness and confidence in using inhaled long-acting bronchodilators with corticosteroid and develop a nursing practice guideline to improve the readiness and confidence in taking these inhaled medications.
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความร่วมมือในการใช้ยาสูดขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาวร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาอิทธิพลของการรับรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรค ความมั่นใจในการใช้ยา ความพร้อมในการใช้
ยา และการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ ในการร่วมกันทำนายความร่วมมือในการใช้ยาสูดขยายหลอดลมชนิด
ออกฤทธิ์ยาวร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
รูปแบบการวิจัย: การศึกษาความสัมพันธ์เชิงทำนาย
วิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 120 คน ที่มาตรวจรักษา ณ แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่ง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความร่วมมือ ในการใช้ยา แบบสอบถามการรับรู้ความเจ็บป่วยฉบับย่อแบบวัดความมั่นใจ แบบประเมินความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง และแบบประเมินการสื่อสารระหว่างแพทย์และ ผู้ป่วยวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติก
ผลการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย ร้อยละ 95 อายุเฉลี่ย 68.95 (SD = 9.33, Max = 88, Min = 48) มีความร่วมมือในการใช้ยาสูดขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาวร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์ ร้อยละ 65.8 การรับรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรค ความมั่นใจในการใช้ยา ความพร้อมในการใช้ยา และการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ สามารถร่วมกันทำนายความร่วมมือในการใช้ยาสูดขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาวร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังได้ร้อยละ 53.8 (Nagelkerke R2 = .538) โดยความมั่นใจในการใช้ยา และความพร้อมในการใช้ยา สามารถทำนายความร่วมมือในการใช้ยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (OR = 2.01, p < .05 และ OR = 2.41, p < .05) ตามลำดับ
สรุปและข้อเสนอแนะ: พยาบาลควรให้ความสำคัญในการประเมินความพร้อมและความมั่นใจในการใช้ยาของผู้ป่วย และพัฒนาแนวทางการพยาบาลเพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดความพร้อมและความมั่นใจในการใช้ยาสูดขยายหลอดลม
ชนิดออกฤทธิ์ยาวร่วมกับคอร์ติโคสเตียรอยด์เพิ่มขึ้นต่อไป
คำสำคัญ : โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ความร่วมมือในการใช้ยา การรับรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรค ความมั่นใจในการใช้ยา
ความพร้อมในการใช้ยา
Article Details
ลิขสิทธิ์: วารสารพยาบาลศาสตร์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ ห้ามผู้ใดนำบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารพยาบาลศาสตร์ไปเผยแพร่ในลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้ การส่งบทความไปตีพิมพ์เผยแพร่ที่อื่น การนำบทความเผยแพร่ออนไลน์ การถ่ายเอกสารบทความเพื่อกิจกรรมที่ไม่ใช่การเรียนการสอน ยกเว้นเสียแต่ได้รับอนุญาตจากวารสารพยาบาลศาสตร์

Disclaimer: เนื้อหาบทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารพยาบาลศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและไม่มีส่วนรับผิดชอบแต่อย่างใด