การพัฒนารูปแบบลดการบริโภคเค็ม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษา: บ้านร่วมใจ ตำบลปทุม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
การบริโภคเค็ม, การมีส่วนร่วมของชุมชน, การพัฒนารูปแบบ, โซเดียมบทคัดย่อ
การบริโภคเค็มเกินปริมาณที่องค์การอนามัยโลกกำหนดต่อเนื่องส่งผลทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจและไตวายเรื้อรัง อีกทั้งยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ครอบครัว รวมถึงด้านเศรษฐกิจ การสร้างให้เกิดความยั่งยืนควรมีกระบวนการดำเนินการรูปแบบเชิงรุกในชุมชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ช่วยคิดรูปแบบในการส่งเสริมลดการบริโภคเค็ม โดยใช้ทรัพยากรและมาตรการของชุมชนเชื่อมโยงกับหน่วยบริการสุขภาพ ออกแบบบริการทำให้เกิดการจัดการตนเองในชุมชน โดยใช้การวิจัยและพัฒนา ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ แบ่งการศึกษาเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ระยะเตรียมความพร้อมและวิเคราะห์สถานการณ์ ระยะที่ 2 ระยะพัฒนารูปแบบลดการบริโภคเค็มโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน มี 3 วงรอบ ได้แก่ 1) การสร้างมาตรการทางสังคม 2) การสร้างความรอบรู้สู่การปฏิบัติจริง 3) ประกาศหมู่บ้านนำร่องลดเค็มลดโรค ระยะที่ 3 ระยะประเมินผลการพัฒนารูปแบบลดการบริโภคเค็มโดยชุมชนมีส่วนร่วม
ผลการศึกษา ได้รูปแบบร่วมใจลดเค็ม โดยชุมชนมีส่วนร่วมมี 5 องค์ประกอบคือ 1) การประชาสัมพันธ์ ผ่านหอกระจายข่าว line group facebook และอสม. 2) การทำความร่วมมือร้านค้า ตรวจวัดระดับโซเดียมในอาหาร 3) การอบรมให้ความรู้ในชุมชน ทั้ง อสม. และนักเรียน 4) การจัดมหกรรมประกาศหมู่บ้านต้นแบบลดเค็ม 3 ดี ประกวดเมนูพื้นบ้านอาหารอีสานลดเค็มอร่อยดี มีทั้งประกวดบุคคลต้นแบบ และครอบครัวต้นแบบลดเค็ม และ 5) การติดตามและประเมินผลพฤติกรรมการบริโภคเค็ม หลังการนำรูปแบบลดการบริโภคเค็ม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนไปปฏิบัติ พบว่า กลุ่มเสี่ยงมีคะแนนพฤติกรรมการบริโภคเค็มดีขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.000) และมีคะแนนความรู้ของกลุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับการบริโภคเค็มสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นเดียวกัน (p=0.000) ดังนั้นการดำเนินงานลดการบริโภคเค็มโดยชุมชนตาม 5 มาตรการของ รพ.สต.ปทุม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ที่นำไปใช้ สามารถทำให้ชุมชนมีพฤติกรรมการบริโภคเค็มที่ถูกต้อง และมีความรู้มากขึ้น จึงควรมีการขับเคลื่อนและบูรณาการความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีของคนในชุมชน ลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Health Assembly. Policy of Reduce salt and Sodium intake. NCD Thailand 4.0: Moving forward [internet]. 2022; [cited 2023 Oct 1]. Available from: https://main.samatcha.org/node/166
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี. รายงานอัตราการป่วยรายใหม่ด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง พ.ศ.2563-2565 [อินเตอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 1 ต.ค. 2566] เข้าถึงได้จาก: https://ubn.hdc.moph.go.th/hdc/reports/
สุปราณี เมืองโคตร, สำราญ พูลทอง. ผลการใช้นวัตกรรมสตาร์เตือนไต ต่อการรับรู้ระดับการทำงานของไต และพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อชะลอไตเสื่อมในคลินิกเรื้อรัง. อุบลราชธานี: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปทุม; 2562.
สำราญ พูลทอง, สุปราณี เมืองโคตร. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมการจัดการตนเองเพื่อชะลอไตเสื่อมและผลลัพธ์ทางคลินิกในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ [อินเตอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 1 ก.ย. 2566]; 7:91-104. เข้าถึงได้จาก: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnsp/article/view/262329
Kemmis S, McTaggart R. The Action Research Planner. 3rd edition. Geelong, Australia: Deakin University Press; 2014.
Dara VL, Kesavan C. Analyzing the concept of participatory learning: strategies, trends and future directions in education. Kybernetes 2024. doi:10.1108/K-12-2023-2581
ภารดี เทพคายน. ระดับการรับรู้และความเข้าใจของบุคลากรสายสนับสนุนสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ต่อนโยบายความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติงานและพฤติกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติงาน [รายงานการวิจัย]. กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์; 2564. 65 หน้า.
ณัฐธิวรรณ พันธ์มุง, ขนิษฐา ศรีสวัสดิ์, ประภัสรา บุญทวี. การวิจัยทดลอง การใช้ชุดมาตรการลดบริโภคเค็มในชุมชนต้นแบบ. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 2563; 16(3):39-48.
สุนีรัตน์ สิงห์คำ. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในชุมชน โดยการเสริมสร้างพลังภาคีเครือข่ายแบบมีส่วนร่วม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม 2559; 13(3):92-9.
ภัค ศัลยานุบาล. ชุมชนต้นแบบลดเค็ม ลดโรค เขตสุขภาพที่ 3. วารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ [อินเตอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 10 ต.ค. 2566]; 16(1):61-74. เข้าถึงได้จาก: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JDPC3/article/view/241367
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานีและบุคลากรท่านอื่นๆในสำนักงานฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว