ความชุกของการสั่งจ่ายยาที่มีแนวโน้มจะเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับ ยาต้านเกร็ดเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ ณ ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ ยาต้านเกร็ดเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นยาสำคัญที่ใช้การรักษาโรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ และ ผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นสั่นพริ้ว การรักษาด้วยยาดังกล่าวเกิดผลข้างเคียงจากการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกันของยา ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาลดลงหรือมากขึ้นจนเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความชุกของการสั่งจ่ายยาที่มีแนวโน้มจะเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาต้านเกร็ดเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ ณ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วัสดุและวิธีการ ศึกษาย้อนหลัง (Retrospective study) โดยค้นหาผู้ป่วยที่มารับบริการที่ห้องฉุกเฉินและมีการสั่งยากลับบ้าน ด้วยการสืบค้นจากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 ถึงเดือนมิถุนายน 2560 โดยระบุผู้ที่มีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจที่รักษาติดตามและได้รับยาต้านเกร็ดเลือด หรือ ยาต้านการแข็งตัวของเลือดจากห้องตรวจผู้ป่วยนอกหน่วยหัวใจ และ หน่วยศัลยกรรมทรวงอกโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เก็บข้อมูลการสั่งจ่ายยาที่ห้องฉุกเฉิน วิเคราะห์แนวโน้มการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกันของยา จากฐานข้อมูล Drug interaction facts โดยเก็บข้อมูลการสั่งจ่ายยาที่มีแนวโน้มปฏิกิริยารุนแรงมาก และ ปานกลาง กับยาต้านเกร็ดเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด ผลการศึกษา พบผู้ป่วยโรคหัวใจที่ได้รับยาต้านเกร็ดเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดจำนวนทั้งสิ้น 193 ราย โดยผู้ป่วยมาห้องฉุกเฉินรวม 264 ครั้ง เป็นผู้ที่ได้รับยา Aspirin (47.2%) Warfarin4 (23.8%) Clopidogre (27.9%) และ Dabigatran (1.0%) โดยพบการสั่งจ่ายยาที่มีแนวโน้มจะเกิดปฏิกิริยากันระหว่างยา Aspirin25.8% (p = 0.831) Warfarin 54% (p< 0.001) Clopidogrel 9.1% (p = 0.281) ไม่พบการสั่งจ่ายยาที่แนวโน้มจะเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาใน Dabigatran (p = 0.295) จากข้อมูลดังกล่าว ผู้ป่วยที่ได้รับยา Warfarin มีการสั่งจ่ายยาที่มีแนวโน้มจะเกิดปฏิกิริยากันระหว่างยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยยาที่มีแนวโน้มในการเกิดปฏิกิริยากันระดับรุนแรงที่มีการสั่งจ่ายมากที่สุดคือ Amiodarone (9%) สรุป ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ได้รับยาเกร็ดเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดมีโอกาสได้รับยาที่มีแนวโน้มการเกิดปฏิกิริยากันระหว่างยา โดยที่ได้รับเดิมเป็นยา Warfarin มีการสั่งจ่ายยาที่มีแนวโน้จะเกิดปฏิกิริยากันระหว่างยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Downloads
Article Details
บทความในวารสารนี้อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ กรมแพทย์ทหารบก และเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
ท่านสามารถอ่านและใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษา และทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัย หรือการอ้างอิง โดยต้องให้เครดิตอย่างเหมาะสมแก่ผู้เขียนและวารสาร
ห้ามใช้หรือแก้ไขบทความโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อความที่ปรากฏในบทความเป็นความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น
ผู้เขียนเป็นผู้รับผิดชอบต่อเนื้อหาและความถูกต้องของบทความของตนอย่างเต็มที่
การนำบทความไปเผยแพร่ซ้ำในรูปแบบสาธารณะอื่นใด ต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร