การเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวในท่ากายบริหารประจำวัน เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายแก่ทหารกองประจำการ ศูนย์สงครามพิเศษ จังหวัดลพบุรี

Main Article Content

ธรรมสรณ์ เจษฎาเชษฐ์
คมภูศิษฐ์ มนต์แก้วอักษร
อรรถสิทธิ์ สิทธิถาวร
ธง พงษ์หาญยุทธ
อารมย์ ขุนภาษี

บทคัดย่อ

บทนำ การพัฒนาสมรรถภาพทางร่างกายทหารมีหลายด้านเช่น เป็นพื้นฐานที่ดีในการฝึกทางยุทธวิธีทุกรูปแบบมีความทนทานและกำลังใจที่ดีต่อการฝึก ลดภาวะบาดเจ็บและการเกิดโรคกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่างๆ ในอนาคต วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวในท่ากายบริหารประจำวันเพื่อเพิ่มสมรรถภาพร่างกายแก่ทหารกองประจำการ วัสดุและวิธีการ รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงทดลอง อาสาสมัคร 292 คน จากหน่วยฝึกทหารใหม่ กองร้อยบริการ ศูนย์สงครามพิเศษ จังหวัด ลพบุรี ได้รับการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทดลอง 146 คน บริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวก่อนออกกำลังกายช่วงเย็นครั้งละ 15 นาที วันละ 1 ครั้ง 3 วัน/สัปดาห์ (จันทร์ พุธ ศุกร์) และกลุ่มควบคุม 146 คน บริหารร่างกายท่าพื้นฐานเดิมตามคู่มือพัฒนาสมรรถภาพร่างกายทหารของกองทัพบกก่อนออกกำลังกายช่วงเย็นครั้งละ 15 นาที ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง 5 วัน/สัปดาห์ (จันทร์-ศุกร์) เป็นระยะ เวลา 8 สัปดาห์ ในทุกวันที่บริหารจะมีการประเมินความถูกต้องจากผู้ช่วยฝึกที่ผ่านการอบรม และทำการเปรียบเทียบผลคะแนนผลทดสอบสมรรถภาพร่างกายของอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่มในสัปดาห์ที่ 1, 4 และ 8 ผลการศึกษา ผลคะแนนทดสอบสมรรถภาพร่างกาย สัปดาห์ที่ 4 พบว่า อาสาสมัครกลุ่มทดลอง ดึงข้อ ดันพื้น และ วิ่ง ได้คะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ดึง ข้อ 6.51 ± 2.60 และ 5.34 ± 3.22 p-value 0.005 ดันพื้น 55.76 ± 11.93 และ 52.22 ± 15.57 p-value 0.035 และ วิ่ง 60.74 ± 17.29 และ 53.68 ± 19.42 p-value 0.003) และในสัปดาห์ที่ 8 พบว่า อาสาสมัครกลุ่มทดลอง ดึงข้อ ลุกนั่ง และ วิ่ง ได้คะแนน เฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ดึงข้อ 8.32 ± 3.16 และ 6.98 ± 3.69 p-value 0.003 ลุกนั่ง 63.68 ± 12.43 และ 60.51 ± 12.01 p-value 0.035 และ วิ่ง 71.31 ± 11.56 และ 67.47 ± 14.28 p-value 0.018) สรุป การบริหารกล้ามเนื้อแกน กลางลำตัวช่วยพัฒนาสมรรถภาพร่างกายทหารให้ดีขึ้นในด้านการดึงข้อ ดันพื้น ลุกนั่ง และการวิ่ง

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
เจษฎาเชษฐ์ ธ, มนต์แก้วอักษร ค, สิทธิถาวร อ, พงษ์หาญยุทธ ธ, ขุนภาษี อ. การเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวในท่ากายบริหารประจำวัน เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายแก่ทหารกองประจำการ ศูนย์สงครามพิเศษ จังหวัดลพบุรี. R. Thai Army Med. J. [อินเทอร์เน็ต]. 9 มกราคม 2019 [อ้างถึง 9 ธันวาคม 2025];71(4):251-7. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/rtamedj/article/view/165662
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ (Original Article)

เอกสารอ้างอิง

1. Army DPT, Washington DC, FM20-21 Physical Fitness Training, 1998.

2. Army DPT, Washington DC, Army Physical Readiness Training, 2010.

3. Army DPT, Washington DC, Army Physical Readiness Training, 4 for the Core, Chapter 6-11, 2010.

4. Carlos E, Rivera MD. Core and Lumbopelvic Stabilization in Runners, Physical Medicine and Rehabilitation Clinics of North America, 2016-02-01, Volume 27, Issue 1, Pages 319-337, Copyright © 2016 Elsevier Inc.

5. Joaquin Calatayud, Sebastien Borreani, Julio Martin, et al. Core muscle activity in a series of balance exercises with different stability conditions. Gait & Posture, 2015-07-01, Volume 42, Issue 2, Pages 186-192, Copyright © 2015 Elsevier B.V.

6. J. Yang. Effect of specific stabilization exercise with ultrasound as biofeedback on superficial and deep multifidus for patients with recurrent LBP. Physiotherapy. 2015;101:1682-3.

7. ศพย.ยศ.ทบ. คู่มือการพัฒนาสมรรถภาพทางทหาร.2558.

8. Carrie W, Hoppes PT. Corresponding author 1 Aubrey D. Sperier, The efficacy of an eight wee core stabilization program on core muscle function and endurance: A Randomized Trial. J Sports Phys Ther. 2016;11:507-19.

9. Abdelraouf OR, Abdel-Aziem AA. The relationship between core endurance and back dysfunction in collegiate male athletes with and without non specific low back pain. J Sports Phys Ther. 2016;11:337-44.

10. Brandt Y, Currier L, Plante TW, Schubert Kabban CM, Tvaryanas AP. A Randomized Controlled Trial of Core Strengthening Exercises in Helicopter Crewmembers with Low Back Pain. Aerosp Med Hum Perform. 2015;86:889-94.