ความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานเป็นกะและปัจจัยอื่นๆกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ: การทำงานเป็นกะทำให้สมดุลของนาฬิกาชีวิตผิดปกติไป และอาจมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานเป็นกะกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและปัจจัยที่สัมพันธ์กับการควบคุมน้ำตาลที่ไม่ดี วิธีการ: เป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์ ณ จุดใดจุดหนึ่งโดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์ในกลุ่มที่ทำงานไม่เป็นกะ 105 คนและกลุ่มที่ทำงานเป็นกะ 105 คน ผลการศึกษา: ทั้งสองกลุ่มมีค่าระดับน้ำตาลสะสมไม่แตกต่างกันทางสถิติ (HbA1cnon-shiftworkers = 7.95 HbA1cshift workers = 7.61 P-value = 0.156) เมื่อวิเคราะห์แบบ Multivariate พบว่า การทำงานเป็นกะไม่สัมพันธ์กับการควบคุมระดับน้ำตาล (P-value = 0.196) ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการควบคุมระดับน้ำตาลที่ไม่ดี ได้แก่ กลุ่มที่อายุน้อย (B = -0.059 ORadj = 0.94 95% CI = 0.89-0.99 P-value = 0.019) ระยะเวลาเป็นเบาหวานที่นานขึ้น (B = 0.088 ORadj = 1.09 95% CI = 1.01-1.82 P-value = 0.029) การใช้ยาฉีดอินซูลิน (B = 2.763 ORadj = 15.84 95% CI = 2.00-125.47 P-value = 0.009) และความเครียดที่เพิ่มขึ้น (B = 0.021 ORadj = 1.02 95% CI = 1.01-1.04 P-value = 0.044) สรุป: การทำงานเป็นกะไม่สัมพันธ์กับการควบคุมระดับน้ำตาล การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ดีควรให้ความสำคัญกับปัจจัยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ คือ ความเครียด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น
Downloads
Article Details
บทความในวารสารนี้อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ กรมแพทย์ทหารบก และเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
ท่านสามารถอ่านและใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษา และทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัย หรือการอ้างอิง โดยต้องให้เครดิตอย่างเหมาะสมแก่ผู้เขียนและวารสาร
ห้ามใช้หรือแก้ไขบทความโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อความที่ปรากฏในบทความเป็นความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น
ผู้เขียนเป็นผู้รับผิดชอบต่อเนื้อหาและความถูกต้องของบทความของตนอย่างเต็มที่
การนำบทความไปเผยแพร่ซ้ำในรูปแบบสาธารณะอื่นใด ต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร