การศึกษาปัจจัยสัมพันธ์ของการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในโรงพยาบาลบางคล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
Main Article Content
บทคัดย่อ
ที่มาและความสำคัญ โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และยังเป็นปัญหาคุกคามสุขภาพของคนไทย ผู้ป่วยที่ควบคุมโรคไม่ดีจะมีการดำเนินโรคที่รุนแรง และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา จนอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ภาวะแทรกซ้อน ที่สำคัญนี่นึกถึงคือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยมารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลบางคล้าด้วยภาวะนี้ประมาณ 50 ครั้งต่อปี เฉลี่ยเดือนละ 4-5 ครั้ง การศึกษาวิจัยในครั้งนี้จึงเป็นการศึกษาเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่มีผลทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เพื่อพัฒนาและกำหนดแนวทางในการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป ระเบียบวิธีการวิจัย การวิจัยภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ (analytical cross-sectional study) โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิจากฐานข้อมูลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิด ที่ 2 ของโรงพยาบาลบางคล้า ตั้งแต่ปี พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ถึง เมษายน พ.ศ. 2559 จำนวนทั้งสิ้น 1,969 ราย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อค้นหาปัจจัยที่สัมพันธ์ของการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลจะดำเนินการด้วยวิธี multiple logistic regression และนำเสนอผลการศึกษา ระดับความสัมพันธ์ด้วย odds ratio ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (p-value < 0.05) ผลการศึกษา ผู้เข้าร่วมงานวิจัยจากการเก็บข้อมูลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,969 คนจากฐานข้อมูลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ของโรงพยาบาลบางคล้า ที่ทราบถึงการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยพบว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากถึงร้อยละ 1.52 ที่เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจนทำให้ต้องมาที่โรงพยาบาลบางคล้า ซึ่งนับเป็นตัวเลขได้จำนวน 30 คน โดยพบว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่สองจำนวนมากถึงร้อยละ 1.52 ที่เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจนทำให้ต้องมาที่โรงพยาบาลบางคล้า ซึ่งนับเป็นตัวเลขได้จำนวน 30 คน การวิเคราะห์แบบ Multiple logistic regression analysis พบว่าการวิเคราะห์แบบ univariable analysis พบว่าการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้น นั้นขึ้นกับ เพศหญิง (p-value: 0.03) และค่า creatinine ที่มากกว่า 2.0 (p-value: < 0.01) และเมื่อนำตัวแปรเหล่านี้ไปวิเคราะห์แบบ multivariable analysis ได้ผลพบว่า เพศหญิง (OR: 3.17; 95%CI: 1.19-8.42) ค่า Creatinine ที่มากกว่า 2.0 (OR: 6.08; 95%CI: 2.38-15.50) สรุปผลและข้อเสนอแนะ มีผู้ป่วยร้อยละ 1.52 เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจนทำให้มาโรงพยาบาล ซึ่งอาจจะ เป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นภาวะที่อันตรายถึงแก่ชีวิต แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษแก่ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ พบว่าผู้ป่วยเพศหญิง และค่า Creatinine ที่มากกว่า 2.0 เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งผลงานวิจัยนี้สอดคล้องกับงานวิจัยอื่น ๆ แพทย์จึงควรพิจารณาการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในกลุ่มผู้ป่วยหญิง และกลุ่มผู้ป่วยที่มีค่า creatinine มากกว่า 2.0 อย่างระมัดระวัง
Downloads
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความในวารสารนี้อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ กรมแพทย์ทหารบก และเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
ท่านสามารถอ่านและใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษา และทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัย หรือการอ้างอิง โดยต้องให้เครดิตอย่างเหมาะสมแก่ผู้เขียนและวารสาร
ห้ามใช้หรือแก้ไขบทความโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อความที่ปรากฏในบทความเป็นความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น
ผู้เขียนเป็นผู้รับผิดชอบต่อเนื้อหาและความถูกต้องของบทความของตนอย่างเต็มที่
การนำบทความไปเผยแพร่ซ้ำในรูปแบบสาธารณะอื่นใด ต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization (WHO). Global status report on noncommunicable diseases 2014. Geneva:WHO; 2014. P.79-94.
Burden of Disease Research Program Thailand (BOD Thailand). [Regional differences in burden of disease in Thailand 2014]. Nonthaburi: Ministry of Public Health;2014. Thai.
Guettier JM, Gorden P. Hypoglycemia. Endocrinol Metab Clin North Am. 2006;35(4):753-66, viii-ix.
Ben-Ami H, Nagachandran P, Mendelson A, Edoute Y. Druginduced hypoglycemic coma in 102 diabetic patients. Arch Intern Med. 1999;159(3):281-4.
Kearney T, Dang C. Diabetic and endocrine emergencies. Postgrad Med J. 2007 ;83(976):79-86.
Diabetes Control and Complications Trial Research Group; Nathan DM, Genuth S, Lachin J, Cleary P, Crofford O, Davis M, et al. The effect of intensive treatment of diabetes on the development and progression of long-term complications in insulin-dependent diabetes mellitus. N Engl J Med. 1993;329(14):977-86.
Duckworth WC, Abraira C, Moritz TE, Davis SN, Emanuele N, Goldman S, et al; Investigators of the VADT. The duration of diabetes affects the response to intensive glucose control in type 2 subjects: the VA Diabetes Trial. J Diabetes Complications. 2011;25(6):355-61.
Shorr RI, Ray WA, Daugherty JR, Griffin MR. Incidence and risk factors for serious hypoglycemia in older persons using insulin or sulfonylureas. Arch Intern Med. 1997 ;157(15):1681-6.
Clustering of long-term complications in families with diabetes in the diabetes control and complications trial. The Diabetes Control and Complications Trial Research Group. Diabetes 1997;46(11):1829-39.
Lin YY, Hsu CW, Sheu WH, Chu SJ, Wu CP, Tsai SH. Risk factors for recurrent hypoglycemia in hospitalized diabetic patients admitted for severe hypoglycemia. Yonsei Med J. 2010;51(3):367-74.