The Program to Promote an Exercise Behavior of Nursing Students of Ubon Ratchathani Rajabhat University
Keywords:
Program to Promote an Exercise Behavior, Nursing Students of Ubon Ratchathani Rajabhat UniversityAbstract
The research aimed to study the results of the program to promote an exercise behavior of nursing students of Ubon Ratchathani Rajabhat University. The samples were sixty students from the Faculty of Nursing of Ubon Ratchathani Rajabhat University and Ratchathani University. Thirty nursing students from Ubon Ratchathani Rajabhat University were an experimental group that attended the exercise promotion program. Thirty nursing students from Ratchathani University were a control group. The study lasted for six weeks. Data were collected before and after the program. The research instrument was the interview whose confidence value was equivalent to .89. Statistics used in data analysis were percentage, mean, standard deviation and t-test. The research findings were as follows : 1. After participating the program in question, the experimental group had a higher level of the exercise behavior than before. The change in question accounted for 96.67%. The control group that represented 60.00 % had the same level of an exercise behavior. 2. The study found that the students who participated in the exercise promotion program had a higher level of exercise than those who did not participate in the program.
References
นิตยา สุขชัยสงค์. (2553). การประยุกต์ทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการส่งเสริมการออกกำลังกายของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเอกการพยาบาลสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล.
บังเอิญ แพรุ้งสกุล. (2550). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนและการสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ โรคข้อเข่าเสื่อม. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พรทิพย์ ราชภัณฑ์. (2551). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนและการสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้สูงอายุที่มีภาวะหัวใจวาย. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พิมผกา ปัญโญใหญ่. (2550). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนและการสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุโรคเบาหวาน. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ศริญญาพร คัชมุข. (2556). การประยุกต์ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการส่งเสริมการออกกำลังกายของผู้สูงอายุเทศบาลตำบลนิคมคาสร้อย อำเภอนิคมคาสร้อย จังหวัดมุกดาหาร.วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสร้างเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
สุรีย์พร พานนนท์. (2554). การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการกำกับตนเองร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในการออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วน ตำบลกลันทา อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
อภิญญา อุตระชัย. (2556). ผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการออกกำลังกาย โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อป้องกันกับแรงสนับสนุนทางสังคม เพื่อป้องกันภาวะน้ำหนักเกิน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพมหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อำพล จินดาวัฒนะ. (2551). การสร้างเสริมสุขภาพ : แนวคิด หลักการและบทเรียนของไทย. กรุงเทพฯ : สำนักคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ.
Braatz, J. S. (1997). The effect of a physical activity intervention based on the trans theoretical model in changing physical-activity-related behavior on low-income elderly volunteers. Ph. D. dissertation, Michigan State University.
Chung, Min-hua. (2001). Effects of the trans theoretical model on physical activity, determinants, and perceived barriers of high school female students. Ed. D. dissertation, University of Northern Colorado.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น