ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ภาวะสุขภาพกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น
คำสำคัญ:
พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน, การรับรู้ภาวะสุขภาพ, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาบทคัดย่อ
วิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ภาวะสุขภาพ พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน และความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ภาวะสุขภาพกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 310 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บข้อมูลช่วงเดือนมกราคม 2563 โดยการใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด ส่วยเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาณ คือ ประสิทธิ์สหสัมพันธ์สเปียร์แมน
ผลการวิจัย พบว่า การรับรู้ภาวะสุขภาพทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การรับรู้โอกาสเสี่ยง การรับรู้ความรุนแรง การรับรู้ภาวะคุกคาม และการรับรู้ประโยชน์และอุปสรรค มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของนักเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001)
สรุปได้ว่า การรับรู้ภาวะสุขภาพ มีผลต่อพฤติกรรม ดังนั้น จึงควรมีการส่งเสริมการรับรู้ภาวะสุขภาพให้แก่นักเรียนเพิ่มขึ้น โดยใช้แรงสนับสนุนทางสังคม เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ และเกิดความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพจากการใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน
เอกสารอ้างอิง
เกษแก้ว เสียงเพราะ, วรยุทธ นาคอ้าย, และวิชาญ ปาวัน. (2559). ความชุกและปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหนอนพยาธิที่ติดต่อผ่านดินของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประเทศไทย. วารสารสาธารณสุข. 46(1), 16-30
จุฑามาศ กิติศรี, รญัชนา หน่อคำ, และคนึงนิจ เพชรรตัน์. (2560). พฤติกรรมการใช้สมารท์โฟนและการรับรู้ภาวะสุขภาพของนักศึกษาพยาบาล. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 5(1), 19-34
เฉลิมพงษ์ จันทร์สุขา. (2559). พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนกับสังคมก้มหน้า. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนาสังคมและมนุษย์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
ธราธิป แววศรี. (2557). ปัจจัยการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร. การค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต วิชาเอกการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
นาฎลดา เรืองชาญ, จินตนา จันทนนท์, และชนัญกาญจน์ แสงประสาน. (2561). ศึกษาการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการ ศึกษาของนักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. วารสารสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ, 4(2), 294-303.
พิชยา วัฒนะนุกูล, วาสนา ผิวขม, และเปรม จันทร์สว่าง. (2560). พฤติกรรมและปัจจัยการใช้สมาร์ทโฟนใน กลุ่มวัยรุ่น. [ม.ป.ท.: ม.ป.พ.].
วรณัน จัตุระศรี ,ชัยวุฒิ บัวเอี่ยม, และสังคม ศุภรัตนกุล. (2561). รูปแบบการดำเนินงานการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ของวัยรุ่นตอนต้นในเขตเทศบาลตำบลมะเฟือง จังหวัดหนองบัวลำภู. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 7(2), 145-153
วรรณคล เชื้อมงคล, ธีรวิทย์ อินทิตานนต์, และจตุพร หวังเสต. (2562). ผลของการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่อสุขภาพและผลการเรียนของนิสิตเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ศรีนครินทร์เวชสาร, 34(1), 90–98.
วาสนา ศิลางาม. (2561). อันตรายของการเสพติดสมาร์ทโฟน. วารสาร มฉก.วิชาการ, 22(43-44), 193-240.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2558). สำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน. ค้นเมื่อ 15 กันยายน 2562, จากhttp://service.nso.go.th/nso/nso publish/themes/ files/icthh58.pdf
อมรรัตน์ วงศ์โสภา, เสกสรร สายสีสด, & แน่งน้อย ย่านวารี. (2558). พฤติกรรมการใช้และผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์ประเภทเฟซบุ๊คต่อการดำเนินชีวิต ของนักศึกษากรณีศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. 10(33) , 1-10
อรุณ จิรวัฒน์กุล. (2556). สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์
อาภาพร เผ่าวัฒนา และคณะ. (2554). การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในชุมชน การประยุกต์แนวคิด และทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
Bloom BS. (1968). Learning for mastery. Evaluation Comment, 1(2), 29-62
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากบรรณาธิการวารสารนี้ก่อนเท่านั้น