Effect of discharge planning for colorectal cancer patients using patterns METHOD-P on the knowledge of adverse reactions management after receiving chemotherapy
Main Article Content
Abstract
The main objective of quasi-experimental research based on one group pretest-posttest design is focus on studying the adverse reactions management of receiving chemotherapy from colorectal cancer patients between before and after the discharge planning using METHOD-P model of receiving chemotherapy of colorectal cancer patients. Thirty samples, collected from colorectal cancer patients who admit to Mahavajiravudh 6A at Faculty of Medicine Vajira Hospital were investigated from handbook’s patients, self-care guide video media, and chemotherapy regimen documentation. The checklist incident form after chemotherapy, and the knowledge of adverse reactions management after receiving chemotherapy questionnaire were used for the data collection. Content validity was examined from all samples. The reliability coefficient (KR-20) exhibited at 0.95 and 0.97, respectively. Additionally, the data were analyzed by frequencies, means, standard deviation, and paired t-test.
These results indicated that the knowledge score of adverse reactions management in colorectal cancer patients after receiving discharge planning by METHOD-P model were significantly higher than those patients before obtaining discharge planning with the level of 0.001.
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวชิรสารการพยาบาลถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวชิรสารการพยาบาล ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวชิรสารการพยาบาล หากบุคคลใดหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวชิรสารการพยาบาลก่อนเท่านั้น
References
กระทรวงสาธารณสุข, ส. ก. (2560). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2560. กรุงเทพมหานคร:พรทรัพย์การพิมพ์ จำกัด.
กัลยา เข็มเป้า. (2552). การพัฒนารูปแบบการวางแผนจําหน่ายผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินสุลินที่มีแผลที่เท้า โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา. วารสารกองการพยาบาล, 36(3), 113-132.
กิ่งกาญจน์ ชุ่มจำรัส และ พชรน้อย สิงห์ช่างชัย. (2561). ผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายร่วมกับให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยเจาะคอ ต่อความรู้ความสามารถของผู้ดูแลผู้ป่วยเจาะคอ และความพึงพอใจของผู้ดูแลในหอผู้ป่วย ตา หู คอ จมูก โรงพยาบาลสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 5(1), 124-134.
คณะกรรมการจัดทำแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ. (2561). แผนการป้องกันและควบคุม โรคมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Control Programme (พ.ศ. 2561 - 2565). กรุงเทพมหานคร : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
คู่ขวัญ มาลีวงษ์ และกัญญดา ประจุศิลปะ. (2562). การศึกษาตัวชี้วัดผลลัพธ์การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดเปิดทวารเทียม. วชิรเวชสารและวารสารเวชศาสตร์เขตเมือง, 63(4), 273-282.
ฐาปณี อบอุ่น, จินตหรา โกพล, ปุ้ม ภูสาหัส, ศุภิญญา ถิรศิลาเวทย์, ชุติมาภรณ์ ไชยสงค์, ภาณุมาศ ภูมาศ และธีระพงษ์ ศรีศิลป์. (2555). การติดตามอาการไม่พึงประสงค์และการให้คําแนะนําในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบําบัด ณ โรงพยาบาลมหาสารคาม.เอกสารการประชุมและนำเสนอผลงานระดับชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ฐิติพร เรือนกุล, ปิยะนุช ชูโต และพรรณพิไล ศรีอาภรณ์. (2562). ผลของโปรแกรมการสอนก่อนจำหน่ายต่อความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาลในผู้ดป็นมารดาครั้งแรก. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา, 22(1), 40-51.
ณัฐรมย์ ชุติกาโม, รุ้งระวี นาวีเจริญ และวรุตม์ โล่ห์สิริวัฒน์. (2560). ปัจจัยทำนายคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่มีทวารเทียม. วารสารแพทย์นาวี, 44(3), 103-116.
ประดับเพชร กล้าทางถูก และบุษบา สมใจวงษ์. (2556). อุบัติการณ์ของการเกิดเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบําบัด สูตรที่มี 5-FU หยดเข้าหลอดเลือดดําเป็นเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 4 ชั่วโมง.บทความงานวิจัย นำเสนอในการประชุมระดับบัฒฑิตศึกษา, มหาวัทยาลัยขอนแก่น.
ปริศนา แผ้วชนะ และวีณา จีระแพทย์. (2557). ผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองเพื่อป้องกันอาการหืดกำเริบของเด็กวัยเรียนโรคหอบหืด. วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 26(3), 61-71.
พรพิมล เลิศพานิช, อำภาพร นามวงศ์พรหม และ น้ำอ้อย ภักดีวงศ์. (2560). ประสบการณ์อาการ และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามที่ได้รับเคมีบำบัด. วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย, 6(1), 45-55.
พัชรินทร์ แก้วรัตน์, วรรณา ฉายอรุณ และ วาสินี วิเศษฤทธิ์. (2560). ประสบการณ์ชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ขณะรักษาด้วยเคมีบำบัด. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 11(1), 224-234.
รัตนาภรณ์ แซ่ลิ้ม, นงลักษณ์ ว่องวิษณุพงศ์ และ สุดจิต ไตรประคอง. (2557). ประสิทธิผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายต่อความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตันในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์. วารสารสภาการพยาบาล, 29(2), 101-113.
เรวดี อุดม. (2561). การศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเอง หลังได้รับการวางแผนจำหน่ายในผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดที่ได้รับการขยายหลอดเลือดหัวใจในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ. งานการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจ.
วราภรณ์ เขมโชติกูร, สุกัญญา ศรีสง่า และ สุนทรีย์ ศิริพรอดุลศิลป์. (2555). การพัฒนารูปแบบการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยมะเร็งศีรษะและคอ หอผู้ป่วย หู คอ จมูก โรงพยาบาลบุรีรัมย์. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 30(3), 146-152.
วารินทร์ วัฒนานนท์เสถียร และ มธุสร ปลาโพธิ์. (2561). ผลของการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย โดยใช้รูปแบบ D-M-E-T-H-O-D ต่อความรู้เรื่องโรคและความรู้ในการปฏิบัติตัว. วารสารเกื้อการุณย์, 25(2), 78-90.
วิมลรัตน์ เดชะ และ รุ้งระวี นาวีเจริญ. (2559). ปัจจัยทำนายคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่มีทวารเทียมและได้รับเคมีบำบัด. วารสารเกื้อการุณย์, 23(1), 133-147.
สมจิตต์ อุทยานสุทธิ, ศรีนวล สถิตวิทยานันท์ และ วันเพ็ญ ภิญโญภาสกุล. (2558). การพัฒนารูปแบบการวางแผนจำหน่ายทารกเกิดก่อนกำหนด โรงพยาบาลตำรวจ. 7(2), 145-160.
สุภัสร์ สุบงกช, วรัญญา ครองแก้ว, นภาภรณ์ อุดมผล, นภาวรรณ ล้ออิสระตระกูล และเพ็ญพร พรรณา. (2560). คู่มือมาตรฐาน การทำงานเกี่ยวกับยาเคมีบำบัดและการดูแลผู้ป่วยหลังได้รับยา. กรุงเทพมหานคร: นิวธรรมดาการพิมพ์ จำกัด.
โสฬส อนุชปรีดา, ประพิมพรรณ อําพันทรัพย์, ปัทม์ดวงพักตร์ เพ็งสุทธิ์, รัชดาภรณ์ วรรณสุ, เจนจิรา บัวเชย, และจุลจักร ลิ่มศรีวิไล. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อการตรวจพบติ่งเนื้อที่ลําไส้ใหญ่ในผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ. วารสารมะเร็ง, 38(4), 145-153.
อุบล จ๋วงพานิช, ณัฏฐ์ชญา ไชยวงษ์ และ จุรีพร อุ่นบุญเรือน. (2551). ผลของการใช้โปรแกรมการวางแผนการจำหน่ายต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 16(3), 31-42.
Colagiuri, B., Dhillon, H., Butow, P. N., Jansen, J., Cox, K., & Jacquet, J. (2013). Does assessing patients' expectancies about chemotherapy side effects influence their occurrence. Journal of Pain and Symptom Management, 46(2),275-281. doi:10.1016/j.jpainsymman.2012.07.013
Geng, F., Wang, Z., Yin, H., Yu, J., & Cao, B. (2017). Molecular Targeted Drugs and Treatment of Colorectal Cancer: Recent Progress and Future Perspectives. Cancer Biother Radiopharm, 32(5), 149-160. doi:10.1089/cbr.2017.2210
Gharaibeh, H., Amarneh, B. H., & Zamzam, S. Z. (2009). The psychological burden of patients with beta thalassemia major in Syria. Pediatric Int, 51(5), 630-636. doi:10.1111/j.1442-200X.2009.02833.x
Kidd, L., Kearney, N., O'Carroll, R., & Hubbard, G. (2008). Experiences of self-care in patients with colorectal cancer: a longitudinal study. Journal Advance Nursing, 64(5), 469-477. doi:10.1111/j.1365-2648.2008.04796.x
Mollaoglu, M., & Erdogan, G. (2014). Effect on symptom control of structured information given to patients receiving chemotherapy. European Journal Oncology Nursing, 18(1), 78-84. doi:10.1016/j.ejon.2013.07.006
Ream, E., Richardson, A., & Alexander-Dann, C. (2006). Supportive intervention for fatigue in patients undergoing chemotherapy: a randomized controlled trial. Journal of Pain Symptom Management, 31(2), 148-161. doi:10.1016/j.jpainsymman.2005.07.003
Stark, L., Tofthagen, C., Visovsky, C., & McMillan, S. C. (2012). The Symptom Experience of Patients with Cancer. Journal Hospital Palliative Nursing, 14(1), 61-70. doi:10.1097/NJH.0b013e318236de5c
Sonis, S. T., Eilers, J. P., Epstein, J. B., LeVeque, F. G., Liggett, W. H., Jr., Mulagha, M. T., & Wittes, J. P. (1999). Validation of a new scoring system for the assessment of clinical trial research of oral mucositis induced by radiation or chemotherapy. Mucositis Study Group. Cancer, 85(10), 2103-2113.