Development and evaluation of Clinical Nursing Practice Guideline of Breast Cancer Patients.

Main Article Content

nuengruethai udthoen
Tanaporn Tosanguanrungruang
Laddawan Srisantaw
Cheepakhom Papattaradol
Thamonwan Yodkolkij

Abstract

Nursing guideline for of breast cancer patient was developed base on analysis and synthesis of the evidence base practice. This study aimed to develop and evaluate the results of the use of the Nursing Practice Guidelines. The sample consisted of 30 nurses and 30 patients. Nurse guidance questionnaire on the application of Nurse  Practitioner  Guidelines for data analysis using descriptive statistics.


          These finding of the study on the process of applying the nursing guideline were measured from the suitability of the language used. Time to monitor suitability of patient care pre-operation and post-operation found that nurses agreed to a high level. It can also be used as a guideline for nursing records comprehensively. It was found that registered nurses agreed at a high level. The result indicated that all patients had relatively good basic knowledge and an undecided attitude about breast cancer. The complications post operative has seroma in one case (3.33%)


          This study suggests that a clinical nursing practice guidelines for self-care when returning to home should be added regarding drainage care in the event that the patient has to return home.

Article Details

How to Cite
udthoen, nuengruethai, Tosanguanrungruang, T., Srisantaw, L., Papattaradol, C., & Yodkolkij, T. (2022). Development and evaluation of Clinical Nursing Practice Guideline of Breast Cancer Patients. Vajira Nursing Journal, 22(2), 91–104. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/vnj/article/view/247017 (Original work published December 25, 2020)
Section
research article

References

จินตนา กิงแก้ว. (2560). มะเร็งเต้านมกับการพยาบาลผู้ป่วย ผ่าตัดมะเร็งเต้านม.วารสารโรคมะเร็ง, 37(4)163-170.

จิราภรณ์ มากดำ, สุรีพร ธนศิลป์, นพมาศ พัดทอง. (2560). ผลของโปรแกรมการบริหารข้อไหล่ร่วมกับการบริหารกายจิตด้วยชี่กงต่อความสามารถในการเคลื่อนไหวข้อไหล่ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังได้รับการผ่าตัด.วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์,37(1), 38-52.

ชมภูนุช พบประเสริฐ, เพ็ญศรี กองสัมฤทธิ์ และปัณฑารีย์ หิรัณย์สิริกุล. (2560). ความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติตนในการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรี : กรณีศึกษาจังหวัดจันทบุรี.วารสาร Mahidol R2R e-Journal,4(2),123-135.

นงนุช ทากัณหา, สุปรีดา มั่นคง, ยุพาพิน ศิรโพธิ์งาม. (2553). ผลของโปรแกรมการบริหารแขนและไหล่ต่อความสามารถในการบริหารและภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ที่ได้รับการผ่าตัด. รามาธิบดีพยาบาลวารสาร,16(1),143-144.

ปุณรดา พวงสมัย. (2557). ความสัมพันธ์ระหว่างอายุ ระดับการศึกษา ความรู้สึกไม่แน่นอน ในความเจ็บป่วยความเข้มแข็งในการมองโลก แรงสนับสนุนทางสังคมกับการปรับตัวของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธิติมา กนกปราน, ผ่องศรี ศรีมรกต, ศิริอร สินธุ และ สืบวงศ์ จุฑาภิสิทธิ์. (2557). ผลของโปรแกรมการกำกับตนเองในการบริหารข้อไหล่ที่บ้านต่อองศาการเคลื่อนไหวและการทำหน้าที่ของข้อไหล่ในผู้ป่วยหลังผ่าตัดมะเร็งเต้านม.วารสารพยาบาลศาสตรมหาวิทยาลัยมหิดล,32(1),78-80.

พาศนา บุณยะมาน. (2560). ผลการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งเต้านมแบบถอนรากชนิดดัดแปลงพร้อมขวดระบายสุญญากาศต่อความสามารถในการดูแลตนเองภาวะแทรกซ้อนและความพึงพอใจ หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิงโรงพยาบาลสงขลา.วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย,7(1)95-103.

ภรณี เหล่าอิทธิ และ นภา ปริญญานิติกูล. (2559). มะเร็งเต้านม: ระบาดวิทยา การป้องกันและแนวทางการตรวจคัดกรอง.จุฬาลงกรณ์เวชสาร,60(5),497–507.

มลฤดี เกษเพชร และ นิโรบล กนกสุนทรรัตน์. (2558). การป้องกันและการจัดการภาวะแขนบวมจากน้ำเหลืองคั่งในผู้เป็นมะเร็งเต้านม:บทบาทพยาบาล. รามาธิบดีพยาบาลวารสาร, 23(1), 1-10.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.(2555). แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งเต้านม. กรุงเทพฯ:โฆสิตการพิมพ์ จำกัด.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2560). รายงานทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล (Hospital-Based Cancer Registry). กรุงเทพฯ:กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข. (2559). สถิติสาธารณสุขพ.ศ.2558:Public Health StatisticA.D. 2015.กรุงเทพ:โรงพิมพ์สามเจริญพานิช.

สุชา ปาน้อยนนท์, อุษาวดี อัศดรวิเศษ, วันเพ็ญ ภิญโญภาสกุล และ พรชัย โอเจริญรัตน. (2553). ประสิทธิผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายแบบผู้ป่วยนอกต่อความวิตกกังวลและความพึงพอใจต่อการดูแลในสตรีที่ได้รับการผ่าตัดก้อนบริเวณเต้านม.J Nurs Sci, 28(4), 28-36.

สุภารัตน์ หมื่นโฮ้ง และ สุวิณี วิวัฒน์วานิช. (2556). ผลของการจัดการผู้ป่วยรายกรณีในผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งเต้านมต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการดูแลตนเองของผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งเต้านมและจำนวนวันนอนโรงพยาบาล หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิงโรงพยาบาลแพร่.วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ.29(3),71-79.

หร่อกีบ๊ะ บุญโส๊ะ, สุมาลี ฉันทวิลาส และ มาริสา สุวรรณราช. (2557). การพัฒนาและประเมินผลความเป็นไปได้ในการนำแนวปฏิบัติไปใช้ในการจัดการกับความปวดหลังผ่าตัดในห้องพักฟื้น. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 1(1), 43-64.

อนุชา ไทยวงษ์และคณะ. (2560). ชุดนวัตกรรมส่งเสริมการบริหารแขนและไหล่หลังการผ่าตัดเต้านม : จากหลักฐานเชิงประจักษ์สู่การสร้างนวัตกรรม.วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม,14(3),114-124.

American cancer society. Exercises After Breast Cancer Surgery. (อินเทอร์เน็ต). 2561. (เข้าถึงเมื่อ 25 เม.ย.2561). สืบค้นจาก http://www.cancer.org.

National cancer institute. Breast cancer. (อินเทอร์เน็ต). 2561. (เข้าถึงเมื่อ 25เม.ย.2561). สืบค้นจาก http://www.cancer.gov.