The Study among Risk of Falls, Fear of Falls and Managements of Prevention for Falls in Client of Geriatric Clinic

Main Article Content

Surinrat Baurangthienthong
Orathai Yindee

Abstract

Falls are a major public health problem worldwide. A result, the older adults are injured, disabilities. and subsequent death. This descriptive research aimed to study the risk of falls, fear of falls and managements of prevention for falls in client of geriatric clinic, Klang hospital. A total of 165 older adult who met inclusion criteria. After the participants signed the consent form, they were interviewed, using the Demographic data - Questionnaire, Falls Risk Assessment tool, The Thai Falls Efficacy Scale-International: Thai FES-I andAssessment and Prevention of Falls Guidelines, test Cronbach's alpha coefficient is .76. Data were analyzed by using descriptive statistic.   


Results revealed that the majority of participants had a moderate level risk of fall 57.0%, high level fear of fall 50.3% and the most fearful of falling activities, this was to walk on slippery ground (= 2.03, SD = 0.9), and most of the older adults had a fall prevention model was the environmental management 87.3%, but the most common form of fall prevention is to exercise regularly strengthen muscles and bones 21.2%. Recommendations from this research of fall management model can be developed to be suitable for the older adults who are admitted to the clinic and community nursing to prevent falls among the older adults in the community.

Article Details

How to Cite
Baurangthienthong, S., & Yindee, O. (2021). The Study among Risk of Falls, Fear of Falls and Managements of Prevention for Falls in Client of Geriatric Clinic. Vajira Nursing Journal, 23(2), 30–43. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/vnj/article/view/252648
Section
research article

References

กนกวรรณ เมืองศิริ, นิภา มหารัชพงศ์และยุวดี รอดจากภัย. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการ ป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุจังหวัดสระบุรี.วารสารมหาวิทยาลัยนเรศวร;วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 4(25), 23-33.

กมลพร วงศ์พนิตกุลย์. (2555). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความกลัวการหกล้มของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชน จังหวัดกาญจนบุรี. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยบูรพา).

ชื่นจิตร กองแก้ว. (2557). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ การใช้ยาในผู้สูงอายุไทยเขตภาคเหนือตอนล่างประเทศไทย.[อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 11 มีนาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก https.//www.RAC56002%20- %20ผศ.ดร.ภญ. ชื่นจิตร_การใช้ยาในผู้สูงอายุไทยเขตภาคเหนือตอนล่างประเทศไทย%20(1).pdf

ดาราวรรณ รองเมือง, ฉันทนา นาคฉัตรีย์, จีราพร ทองดี และจิตติยา สมบัติบูรณ์. (2559). อุบัติการณ์ของการหกล้ม และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการหกล้มในผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชน จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี, 27(ฉบับเพิ่มเติม), 123-138.

นารีรัตน์ จิตรมนตรี, สาวิตรี ทยานศิลป์ และสิริวัลย์ เรืองสุรัตน์. (2551). บทสรุปจากเวทีสาธารณะ: การเตรียม พร้อมระบบสวัสดิการสำหรับสังคมผู้สูงวัย. กรุงเทพฯ: มิสเตอร์ก๊อป.

นงนุช วรไธสง. (2557). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการหกล้มในผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในชุมชน (วิทยานิพนธ์). ขอนแก่น:มหาวิทยาลัยขอนแก่น

มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.). (2563). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2562. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.

มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.). (2564). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2563. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากร และสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล

เยาวลักษณ์ คุมขวัญ, อภิรดี คำเงิน, อุษณีย์ วรรณลัย และนิพร ขัดตา. (2561). แนวทางการป้องกันการพลัดตกหกล้มที่บ้านในผู้สูงอายุ: บริบทของประเทศไทย. วารสารการพยาบาลสาธารณสุข, 28(3),10-22.

ละออม สร้อยแสง, จริยาวัตร คมพยัคฆ์ และกนกพร นทีธนสมบัติ. (2557). การศึกษาแนวทางการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุชุมชนมิตรภาพพัฒนา.วารสารพยาบาลทหารบก, 15(1), 122-129.

ลัดดา เถียมวงศ์. (2554). การทดสอบคุณสมบัติของเครื่องมือประเมินอาการกลัวหกล้มในผู้สูงอายุไทย. สงขลานครนครินทร์เวชสาร, 29(6), 277-286.

ศิราณี ศรีหาภาค, วัชรี อมรโรจน์วรวุฒิ, ณรงค์ คำอ่อน, พัฒนี ศรีโอษฐ์, พลอยลดา ศรีหานู และทิพวรรณ ทับซ้าย. (2564). สถานการณ์ปัญหา และความต้องการการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชน ภายใต้กองทุนระบบการดูแลระยะยาว จังหวัดขอนแก่น. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 15(36), 44-62.

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2559). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2559. นครปฐม : พริ้นเทอรี.

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2556). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2556. นครปฐม : พริ้นเทอรี.

สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ. (2551). แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกัน/ประเมิน ภาวะหกล้มในผู้สูงอายุ. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 11 มีนาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก:http://agingthai.dms.go.th/agingthai/wp-content/uploads/2021/01/book_8.pdf

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ.2557. [อินเตอร์เน็ต].[เข้าถึงเมื่อ 11 มีนาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก: http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/themes/files/elderlyworkFullReport57-1.pdf

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานการพยากรณ์การพลัดตกหกล้ม ของผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2560 – 2564. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 1 มีนาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaincd.com/document/file/violence/การพยากรณ์การพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ%20ปี%202560-2564.pdf.

สุทธิดา พงษ์พันธ์งาม และอัมภิชา นาไวย์. (2563). การหกล้ม ความกลัวการหกล้ม และการจํากัดกิจกรรมเนื่องจากกลัวหกล้ม ในผู้สูงอายุไทยที่อาศัยอยู่ในชุมชนชานเมืองเชียงใหม่. วารสารวิจัยสุขภาพและ การพยาบาล, 36(1), 22-38.

สุทธิพงษ์ รักเล่ง. (2560). การใช้ยาหลายขนานและการควบคุมระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจังหวัดพัทลุง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(2), 77-93.

อัจฉรา ปุราคม และคณะ. (2558). โครงการศึกษารูปแบบกิจกรรมทางกายเพื่อลดความเสื่อมถอยของ สมรรถภาพการทำหน้าที่ทางกายผู้สูงอายุ. โดยการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 2 พฤษภาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก: http://padatabase.net/uploads/files/01/doc/556_2017-04-26.pdf

Bandura, A. (1997). Self-efficiency the exercise of control (4 th ed.). New York; W.H. Freeman.

Kempen, G. I., Yardley, L., van Haastregt, J. C., Zijlstra, G. A., Beyer, N., Hauer, K., & Todd, C. (2007). The Short FES-I: a shortened version of the falls efficacy scale-international to assess fear of falling. Age Ageing, 37(1), 45-50.

Knox-Vydmanov, C. (2017). Work, family and social protection: Old age income security in Bangladesh, Nepal, the Philippines, Thailand and Vietnam.

Malini, F. M., Lourenço, R. A., & Lopes, C. S. (2016). Prevalence of fear of falling in older adults, and its associations with clinical, functional and psychosocial factors: The Frailty in Brazilian Older People-Rio de Janeiro study. Geriatrics & gerontology international, 16(3),336–344.

Mishra, N.; Mishra, A.K.; Bidija, M. A. (2017). study on correlation between depression, fear of fall and quality of life in elderly individuals. International Journal of Research in Medical Sciences, 5(-), 1456–1460.

Stephen, H., & Andrew, G. (2011). Fear of falling. Australine Journal of Advanced Nursing, 27(1): 94-100.

Taro, Y., (1967). Statistics: An Introductory Analysis, 2nd Edition, New York: Harper and Row.

United Nations. World population aging. (2018). Retrieved 10 May, 2021, Available from http://www.un.org/esa/population/publication/WPA2009/WPA2009_WorkingPaper.Pdf.