ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อความรู้ และพฤติกรรมของผู้ดูแลเด็กที่มีภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง

Main Article Content

สุจิตรา ขัติยะ
ศุภวรรณ ใจบุญ

บทคัดย่อ

การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีพยาบาลเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ผู้ดูแลมีพฤติกรรมการดูแลเด็กโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่างอย่างเหมาะสม เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบ 1 กลุ่มวัดก่อนและหลังได้รับโปรแกรมเพื่อเปรียบเทียบคะแนนความรู้ คะแนนพฤติกรรมในการดูแลเด็กของผู้ดูแล และศึกษาอัตราอุบัติการณ์การเข้ารับการรักษาซ้ำของเด็กด้วยภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างหลังได้รับโปรแกรม ภายใน 28 วันหลังจำหน่าย


กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ดูแลเด็กอายุ 0-5 ปี ที่มีภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลฝาง จังหวัดเชียงใหม่ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 30 คน เก็บข้อมูลโดยใช้ แบบประเมินความรู้ แบบประเมินพฤติกรรมของผู้ดูแลเด็กที่มีภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง และแบบประเมินการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซ้ำ ภายใน 28 วัน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ ผลการวิจัย พบว่า หลังได้รับโปรแกรมมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้และค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมในการดูแลเด็กโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่างหลังได้รับโปรแกรมมากกว่าก่อนได้รับโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.001) และอัตราอุบัติการณ์การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซ้ำของเด็กด้วยภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างภายใน 28 วัน หลังจำหน่ายจากโรงพยาบาล ร้อยละ 3.33 (95%CI: 0.84–17.2)


โปรแกรมการส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตน ช่วยส่งเสริมให้ผู้ดูแลมีความรู้และพฤติกรรมในการดูแลเด็กมากขึ้น และลดอุบัติการณ์การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซ้ำด้วยภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ภายใน 28 วันหลังจำหน่ายได้

Article Details

บท
บทความวิจัย

References

Demissie BW, Amele EA, Yitayew YA, Yalew ZM. Acute lower respiratory tract infections and associated factors among under-five children visiting Wolaita Sodo University Teaching and Referral Hospital, Wolaita Sodo, Ethiopia. BMC Pediatrics. 2021;21(1):1-8.

Troeger CE, Khalil IA, Blacker BF, Biehl MH, Albertson SB, Zimsen SRM, et al. Quantifying risks and interventions that have affected the burden of lower respiratory infections among children younger than 5 years: an analysis for the Global Burden of Disease Study 2017. The Lancet Infectious Diseases. 2020;20(1): 60-79.

Khan MA. Epidemiological studies on lower respiratory tract infection in children in the District Bannu, Khyber Pakhtunkhwa, Pakistan. The Egyptian Journal of Bronchology. 2022;16(1):1-5.

Sitthikarnkha P, Uppala R, Niamsanit S, Sutra S, Thepsuthammarat K, Techasatian L, Teeratakulpisarn J. Epidemiology of acute lower respiratory tract infection hospitalizations in Thai children: A 5-year national data analysis. Influenza Other Respir Viruses. 2022;16(1):142-50.

กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค. สถานการณ์โรคติดต่อในเด็กปี 2566 5 โรคสำคัญ. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค; 2567.

Lewis MO, Tran PT, Huang Y, Desai RA, Shen Y, Brown JD. Disease Severity and Risk Factors of 30-Day Hospital Readmission in Pediatric Hospitalizations for Pneumonia. J Clin Med. 2022;11(5).

Ujunwa F, Ezeonu C. Risk Factors for Acute Respiratory Tract Infections in Under-five Children in Enugu Southeast Nigeria. Ann Med Health Sci Res. 2014;4(1):95-9.

สุทธินี สุปรีพร. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลเด็กโรคปอดอักเสบซ้ำ.พยาบาลสาร.2021; 48(4), 146-59.

Okumu, J. B. [Internet]. 2020 [cited 2023 Nov 15]. Available from: http://erepository.uonbi.ac.ke/handle/11295/154395

จุฑาทิพย์ นามม่อง, ณัชนันท์ ชีวานนท์, จินตนา วัชรสินธุ์. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมของมารดา ในการดูแลบุตรวัยหัดเดินที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างเฉียบพลัน. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา.2019; 27(3): 43-53.

ยุนี พงศ์จตุรวิทย์, พจนารถ สารพัด, นุจรี ไชยมงคล. ประสบการณ์ของผู้ดูแลเด็กในการป้องกันโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจในเด็กก่อนวัยเรียน. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข.2021; 31(3), 96-109.

Woods CJ, Morrice Z, Francis NA, Little P, Verheij T, Leydon GM. Parent and Clinician Views of Managing Children with Symptoms of a Lower Respiratory Tract Infection and Their Influence upon Decisions to Take Part in a Placebo-Controlled Randomised Control Trial. Antibiotics (Basel). 2021;10(4):1-10.

Fathmawati F, Rauf S, Indraswari BW. Factors related with the incidence of acute respiratory infections in toddlers in Sleman, Yogyakarta, Indonesia: Evidence from the Sleman Health and Demographic Surveillance System. PLoS One. 2021;16(9):e0257881.

จุฬาลักษณ์ แก้วสุก, ยุนี พงศ์จตุรวิทย์, นุจรี ไชยมงคล. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมของมารดาในการป้องกันโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจในเด็กวัยก่อนเรียน. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.2016; 24(4): 54-64.

ณัฏฐ์ฌาฑ์ สร้อยเพ็ชร, เพชรีย์ กุณาละสิริ, ศรันย์ ปองนิมิตพร. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมของบิดามารดาในการป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2023; 46(3), 27-42.

Bandura A. Self-efficacy: Toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review. 1977;84(2):191-215.

ชลาลัย เปียงใจ, นฤมล ธีระรังสิกุล, ศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลเด็กโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจของผู้ดูแล. วารสารพยาบาล.2018; 67(3), 1-9.

ชยุตรา ด่านลี, สุพัฒนา ศักดิษฐานนท์. ผลของโปรแกรมการให้ข้อมูลแบบมีปฏิสัมพันธ์ต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตน พฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแล และการควบคุมโรคในผู้ป่วยเด็กโรคหืดอายุ 3-5 ปี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข.2022; 32(2), 145-58.

คณัสนันท์ ผลตัน, ปรีย์กมล รัชนกุล. ผลของโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนของครูต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเด็กวัยเรียนโรคหืดของครูในโรงเรียน. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ.2019; 37(2): 160-9.

พงษ์เทพ เดชทิตย์, อัจฉรียา ปทุมวัน, ศรีสมร ภูมนสกุล. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการดูแลเด็กที่มีภาวะชักจากไข้ต่อความรู้และการรับรู้สมรรถนะแห่งตนของผู้ดูแลเด็กที่มีภาวะชักจากไข้. รามาธิบดีพยาบาลสาร.2564; 27(1): 31-46

คนึงนิตย์ ไกรเสม. ผลของโปรแกรมการส่งเสริม การรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการส่งเสริมพฤติกรรมการให้อาหารเสริมตามวัยของผู้ดูแลเด็กต่อภาวะโภชนาการของเด็กวัยทารก. วารสารวิชาการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม.2563; 4(8): 72-83.

ศิราณี อิ่มน้ำขาว, วิภาดา ดวงพิทักษ์, ไรจูณ กุลจิติพงศ์, อลิสา ผาบพุทธา. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อความสามารถของผู้ดูแลเด็กโรคปอดบวม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม.2565; 19(3): 165-175.

Rochmawati E, Putranto D. Mobile Application-Based Education to Improve Family Caregivers’ Readiness: Feasibility Study. The Journal for Nurse Practitioners. 2022;18(4): 1097-1101.

Putranto D, Rochmawati E. Mobile applications for managing symptoms of patients with cancer at home: A scoping review. International Journal of Nursing Practice. 2020;26(4): e12842.

Westgard C, Orrego-Ferreyros L. An mHealth tool for community health workers to improve caregiver knowledge of child health in the Amazon: An effectiveness-implementation hybrid evaluation. PLOS Global Public Health. 2022; 2: e0001118.

McKissick HD, Cady RG, Looman WS, Finkelstein SM. The impact of telehealth and care coordination on the number and type of clinical visits for children with medical complexity. J Pediatr Health Care. 2017;31(4):452–458.

Cohen J. Statistical power analysis for the behavioral sciences, Rev. ed. Hillsdale, NJ, US: Lawrence Erlbaum Associates, Inc; 1977.

Mashhadi SF, Hisam A, Sikander S, Rathore MA, Rifaq F, Khan SA, Hafeez A. Post Discharge mHealth and Teach-Back Communication Effectiveness on Hospital Readmissions: A Systematic Review. Int J Environ Res Public Health. 2021 Oct 4;18(19):10442