การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้ด้านโภชนาการโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน

ผู้แต่ง

  • จารุวรรณ หมั่นมี Ph.D. โรงพยาบาลราชวิถี
  • สถิตย์ นิรมิตรมหาปัญญา พ.บ. โรงพยาบาลราชวิถี
  • องอาจ สิกขมาน พ.บ. โรงพยาบาลราชวิถี
  • หทยา สีทอง คศ.บ. โรงพยาบาลราชวิถี

คำสำคัญ:

รูปแบบการให้ความรู้ด้านโภชนาการ, เทคโนโลยี สารสนเทศ, การควบคุมนํ้าตาลในเลือด, ผู้ป่วยเบาหวาน

บทคัดย่อ

ภูมิหลัง : การพัฒนาเครื่องมือให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยน พฤติกรรมผู้ป่วยเบาหวานมีแพร่หลาย แต่การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศโดยการประยุกต์ใช้แอปพลิเคชันในเครื่องมืออัจฉริยะ ต่างๆ ยังมีข้อจำกัดวัตถุประสงค์ : เพื่อพัฒนารูปแบบการให้ความรู้ ด้านโภชนาการโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อควบคุมระดับนํ้าตาล ในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานและประเมินผลลัพธ์การใช้รูปแบบที่ พัฒนาขึ้นวิธีการ : การวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 2 ระยะคือ 1) การ วิเคราะห์สถานการณ์การดูแลผู้ป่วยเบาหวานโดยระดมสมองของทีม สหวิชาชีพ และพัฒนารูปแบบการให้ความรู้ด้านโภชนาการฯโดยใช้ เทคโนโลยี ผ่านแอปพลิเคชันการจำแนกประเภทอาหาร (classify foods) ระบบปฏิบัติการ Android และ 2) การประเมินผลลัพธ์ รูปแบบที่พัฒนาโดยการวิจัยกึ่งทดลอง ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 อายุตั้งแต่ 18 ปี กลุ่มละ 40 คน กลุ่มทดลองใช้แอปพลิเคชันการ จำแนกประเภทอาหาร (classify foods) ร่วมกับการ counseling โดยแอปพลิเคชันมีสีสันสวยงามพร้อมเสียงดนตรีประกอบ ใช้การ สัมผัสด้วยปลายนิ้ว เครื่องมือ 4 ส่วนคือ 1) ข้อมูลทั่วไป พฤติกรรม สุขภาพ FBS และ HbA1c 2) ความรู้การจำแนกประเภทอาหาร 3 ประเภทคือ อาหารที่รับประทานได้ไม่จำกัด อาหารรับประทานได้ จำกัด และอาหารที่ห้ามรับประทาน เลือกรูปอาหารที่ปรากฏ เพื่อ จำแนกเข้าประเภทกลุ่มอาหารโดยใช้ระบบสัมผัสจอผ่านโทรศัพท์ มือถือ ทดลอง 1 ครั้ง ใช้จริงครั้งที่ 1 และหลังจากได้รับความรู้ด้าน โภชนาการ ใช้จริงอีก 1 ครั้ง วัดคะแนนจำนวนข้อที่ตอบถูกเมื่อ ครบ 90 วินาที กลุ่มเปรียบเทียบวัดความรู้โดยใช้รูปภาพจำแนก อาหารแบบกระดาษ วัดคะแนนจำนวนข้อที่ตอบถูก ทั้งสองกลุ่ม ได้รับการให้คำแนะนำด้านโภชนาการจากผู้เชี่ยวชาญ 3) แบบ ประเมินความพึงพอใจ และ 4) แบบประเมินการติดตามผล ทั้งสอง กลุ่มได้รับการติดตามทางโทรศัพท์ 2 สัปดาห์ก่อนวันนัดติดตามการ รักษา เพื่อทบทวนความรู้และกระตุ้นให้คำแนะนำด้านโภชนาการ เปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างสองกลุ่มด้วย Independent t-test และ การเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการทดลองด้วยสถิติ Paired t-test โครงการวิจัยผ่านการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรม การวิจัยในคน โรงพยาบาลราชวิถีผล : 1) ได้รูปแบบการให้ความรู้ ด้านโภชนาการโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ผ่านแอปพลิเคชั่นการ จำแนกประเภทอาหาร (classify foods) ระบบ Android และใช้ งานผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ มีการประมวลผลทันที กระตุ้นการเรียนรู้ ทันสมัย สะดวกต่อการใช้งาน 2) คุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้ป่วย เบาหวานทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน หลังทดลอง กลุ่มทดลองมี ความรู้ด้านการจำแนกประเภทอาหารสูงกว่าก่อนทดลอง และสูง กว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ (p=0.035) กลุ่มทดลองมีค่า เฉลี่ย FBS และ HbA1c ลดลงกว่าก่อนทดลอง และลดลงมากกว่า กลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ (p=0.041 และ p=0.048 ตาม ลำดับ) กลุ่มทดลองพึงพอใจต่อรูปแบบการให้ความรู้มากกว่ากลุ่ม เปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ ( p<0.001) ประเด็นความพึงพอใจ ระดับมากที่สุดต่อรูปแบบให้ความรู้ด้วย classify foods ที่พัฒนา ขึ้นในด้านความน่าสนใจ ความรู้ความเข้าใจที่ดีขึ้น ความทันสมัย และความสะดวกต่อการใช้งานสรุป : รูปแบบการให้ความรู้ด้าน โภชนาการโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อควบคุมระดับนํ้าตาล ในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานมีประสิทธิภาพ การศึกษาต่อยอดควร เพิ่มระยะเวลาติดตามผู้ป่วยในการควบคุมระดับนํ้าตาลเพื่อให้เกิด ความยั่งยืน และพัฒนาเครื่องมือในด้านการออกกำลังกายและการ จัดการอารมณ์ควบคู่ไปด้วย

เอกสารอ้างอิง

Diabetes Association of Thailand under The Patronage of HerRoyal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn. Clinical Practice Guideline for Diabetes 2017. 2nd edition. Phathum Thani: Romyen Media; 2017.

Aekplakorn W, Chariyalertsak S, Kessomboon P, Sangthong R,Inthawong R, PutwatanaP, et al. Prevalence and management of diabetes and metabolic risk factors in Thai adults: The Thai National Health Examination Survey IV, 2009. Diabetes Care 2011; 34: 1980-5.

Institute of Medical Research and Technology Assessment,Department of Medical Services. Data of Diabetes, Hypertension and Complication in Thailand; 2013.

The Expert Committee on the Diagnosis and Classification of Diabetes Mellitus. Follow-up report on the diagnosis and classification of diabetes mellitus. Clinical Diabetes 2004; 22:71-9.

Ratarasan C. The Diabetes Epidemic and Its Impact on Thailand.Endocrine and Metabolic Unit. Department of Medicine, Faculty of Medicine, Ramathibodi Hospital; 2013.

Siriwattanapornkul T, Oba N, Intarakumhang Na Rachasima S.Factors Related to Blood Glucose Level among Patients with Diabetes Mellitus Type II. Journal of Nursing Science Naresuan University 2007; 1: 57-67.

Chongchareon W, Kahawong W, Apichato A, Sangchandr O,Chukumneard P, Boonsin K, et al. A self-care promotion model for controlling blood sugar in type 2 diabetes. Songkla Med J 2008; 26:71-84.

Chantawuthinun T. Factors effective in lowering blood sugar levels of diabetes mellitus patients in the diabetes clinic of Saraphi hospital, Chiang Mai province. Journal of Health System Research 2008; 2: 1042-7.

Choomnui S. Factors effective in lowering blood sugar levels of diabetes mellitus patients in Rongkla hospital, Rongkla, Kalasilp province. Research and Development Health System Journal 2007; 1: 60-9.

Mungvongsa A, Therawiwat M, Tansakul S, Imamee N. A self-Efficacy Dietary Glycemic Control Program for Ptients with Type 2 Diabetes in Nakhon Pathom Province. Journal of The Department of Medical Services 2017; 42: 62-70.

Quinn CC, Shardell MD, Terrin ML, Barr EA, Ballew SH, Gruber-Baldini AL. Cluster-randomized trial of a mobile phone personalized behavioral intervention for blood glucose control. Diabetes Care 2011; 34:1934-42.

Saffari M, Ghanizadeh G, Koenig HG. Health education via mobile text messaging for glycemic control in adults with type 2 diabetes: a systematic review and meta-analysis. Prim Care Diabetes 2014; 8:275-85.

Kirwan M, Vandelanotte C, Fenning A, Duncan MJ. Diabetes self-management smartphone application for adults with type 1 diabetes: randomized controlled trial. J Med Internet Res 2013; 15:e235.

Rajavithi Hospital Statistics 2015-2017. Medical Records and Statistics, Technology and Information Division,Rajavithi Hospital.

Bernard R. Fundamental of Biostatistics. 5th edition. Duxbery:Thompson learning; 2000.

Sa-ard S. Development of Health Education Model Using by Self Directed Learning Media for Chronic Patients.Academic Services Journal Prince of Songkla University 2015; 26: 41-9.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

18-06-2021

รูปแบบการอ้างอิง

1.
หมั่นมี จ, นิรมิตรมหาปัญญา ส, สิกขมาน อ, สีทอง ห. การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้ด้านโภชนาการโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน . J DMS [อินเทอร์เน็ต]. 18 มิถุนายน 2021 [อ้างถึง 8 ธันวาคม 2025];46(1):52-63. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JDMS/article/view/251655

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ